ในยามที่บ้านเมืองของเราเศรษฐกิจตกต่ำมาตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา ประชาชน ทุกหมู่เหล่าต่างได้รับความเดือดร้อนในเรื่องของค่าครองชีพสูงโดยทั่วกันไม่มากก็น้อย เราได้ยินข่าวประเทศเม็กซิโกล้มละลายแรก ๆ นั้นอยากจะหัวเราะว่าเขาบริหารประเทศ กันอย่างไรบ้านเมืองถึงได้ล่มสลายเราไม่เคยนึกคิดว่าความล้มละลายเหล่านี้ มันจะมา เกิดที่เมืองไทยของเราได้ คิดอยู่เสมอว่าบ้านเรามี "ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ อุดมสมบูรณ์" ประชาชนแสนสุขสบาย ถึงอย่างไรก็ไม่มีวันเดือดร้อนแน่นอน
แต่มาถึงวันนี้ เราได้เห็นความหายนะเริ่มเข้ามาเยือนแล้ว พลเมืองไทยกว่า 60 ล้านคน เฉลี่ยแล้วเราเป็นหนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คนละ 6-7 หมื่นบาท และอีกหลายคนบอกว่านอนหลับอยู่ดีๆพอตื่นขึ้นมาเงินหายไปนับล้านบาททั้ง ๆ ที่ไม่ได้ถูกโจรกรรมทรัพย์สินที่บ้านก็ไม่มีเงินเก็บมากมายนับล้าน ๆ บาท แต่ว่าทำไมถึงหายไปเป็นล้าน เหตุก็เพราะ โดนพิษค่าเงินบาทเล่นงานให้อย่างจังเพราะตัวเขาเองทำธุรกิจเกี่ยวกับการสั่งสินค้านำเข้า นักธุรกิจบางคนไต่เต้าจากคนจนที่ถูกดูหมิ่น กลายเป็นมหาเศรษฐี และด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำก็กลับกลายเป็นคนจนอีกครั้ง ก็ถูกเพื่อนฝูงญาติพี่น้องดูหมิ่นเหยียด หยามซ้ำเติมอีก ทำให้เกิดความเครียด จิตฟุ้งซ่านเป็นโรคจิต โรคประสาทจนหาทางออกให้แก่ชีวิตไม่ได้ ไม่ทราบว่าจะเอาอะไรมาเป็นที่พึ่งทางด้านจิตใจบ้าง จะนำหลักธรรมะมาใช้แก้ปัญหาของชีวิต ก็ไม่มีใครแนะนำจึงแก้ปัญหาให้ชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย ซึ่งจากรายงานของ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่า คนไทย ฆ่าตัวตายจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำวันละ ไม่น้อยกว่า 5 คน ดังตัวอย่างบางรายที่ ฆ่าตัวตายสำเร็จ เช่น
1. อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ท่านหนึ่ง ใช้อาวุธปืนยิงตัวตายคาห้องน้ำ บนโรงพัก บางเขน เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม เพราะเป็นหนี้สิน 40 ล้านบาท เนื่องจากประสบ ความล้มเหลวในการบริหารงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
2. วันที่ 12 สิงหาคม นายทงฮั้ว อายุ 60 ปีใช้มีดโกนปาดคอตัวเองอยู่ในห้องพักชั้น 4 โรงแรมไทเปถนนมิตรสัมพันธ์ แขวงและเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายกรุงเทพฯ จนได้รับบาดเจ็บสาหัสเจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล ช่วยชีวิตไว้ไม่ทัน ขาดใจตายเสียก่อน
สาเหตุที่นายทงฮั้ว ทำเช่นนั้น เพราะธุรกิจล้มละลาย
3. วันที่ 20 สิงหาคม ที่อำเภอเมืองอุดรธานี จ.ส.ต. (หญิง) นฤชล อายุ 38ปีได้ดื่มยาฆ่าแมลง ฆ่าตัวตาย พร้อมทั้งนำยาฆ่าแมลงผสมลงในโอวัลตินให้กับลูกๆวัย 12 และ 9 ขวบ กินด้วยผลก็คือ แม่ตายลูกรอดกลายเป็นเด็กกำพร้า สาเหตุมาจาก จ.ส.ต. (หญิง)นฤชล ทำธุรกิจรถบรรทุกสิบล้อไม่มีเงินส่งค่างวดจนรถสิบล้อถูกยึด ธุรกิจล้มละลาย หนี้สินรุงรัง ขณะที่ พ.ต.อ. ปัญญา ผู้กำกับการหัวหน้าตำรวจ สภ.อ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่าในเดือนในเดือนสิงหาคม มีคนฆ่าตัวตายจากเศรษฐกิจตกต่ำ 7 ราย โดยนายเสกสรร พนักงานธนาคารกรุงไทย ฆ่าตัวตายพร้อมครอบครัวเป็นรายแรก
4. วันที่ 22 สิงหาคม นายสมบัติ อายุ 36 ปี ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองและ นางจวนอายุ 39 ปี ภรรยาที่ตั้งครรภ์เสียชีวิตในเขตอำเภอเมืองกาญจนบุรี สาเหตุมาจากเป็นโรคเอดส์และเศรษฐกิจฝืดเคืองจนไม่มีปัญญาเลี้ยงครอบครัว
5. ที่จังหวัดแพร่ 1 ตุลาคม 2540 นางโสภา อายุ 40 ปี นอนตายอยู่หน้า ร.ร.อนุบาลแห่งหนึ่ง โดยมีขวดยาแลนเนท ตั้งอยู่ข้างศพพร้อมแก้วน้ำ จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจสภอ. อ.เมืองแพร่ ทราบว่า นางโสภา เป็นอาจารย์ 2 สอนอยู่ที่ ร.ร.อนุบาลแห่งหนึ่ง ชั้น ป. 1/6 จากจดหมายที่พบ เขียนถึงความไม่สบายใจ ในยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ด ต้องแบกภาระเลี้ยงบุตร 2 คน หลังจากสามีเสียชีวิตไปแล้ว ประกอบกับสามีทิ้งหนี้ไว้อีกกว่า 1 แสนบาท
นอกจากนี้ ในปัจจุบันคนไทยอายุประมาณ 10-50 ปี นิยมฆ่าตัวตายแปลก ๆ ใหม่ ๆ ซึ่งได้ตัวอย่างมาจากต่างประเทศ เช่น โดดตึกตาย โดดน้ำตาย ผิดหวังเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ฆ่าตัวตาย คิดว่าบุคคลที่ฆ่าตัวตายนั้นขาดที่พึ่งทางด้านจิตใจเป็นอย่างมาก
แต่ก็ปรากฎว่ามีบางคนที่ถูกภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จนทำให้ธุรกิจพังพินาศ แล้วไม่คิด หาทางออกโดยการฆ่าตัวตาย ยังมองเห็นว่าหนทางข้างหน้ายังไม่มืดมนและสิ้นหวังแต่อย่างใด ยังมองเห็นว่าความสำเร็จอยู่ข้างหน้า โดยใช้ธรรมะที่ว่าด้วย
"อิทธิบาท ๔" (คุณธรรมที่นำไปสู่ความสำเร็จ) ซึ่งประกอบด้วย
๑. ฉันทะ ความพอใจ,ใฝ่ใจรักที่จะทำสิ่งนั้นอยู่เสมอ
๒. วิริยะ ความเพียร,ความพยายาม, เข้มแข็งอดทนเอาธุระไม่ท้อถอย
๓. จิตตะ เอาจิตใจฝักใฝ่ไม่ปล่อยใจให้ฟุ้งซ่าน เลื่อนลอยไป
๔. วิมังสา หมั่นใช้ปัญญาพิจารณา ใคร่ครวญ หาเหตุผลและคิดค้นวิธีแก้ไขปรับปรุงอยู่เสมอ
มาแก้ปัญหาของชีวิต โดยใช้ความพยายาม ความขยันหมั่นเพียร ไม่ท้อถอยซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของชาวพุทธและที่ไม่ใช่ชาวพุทธน่าจะนำไปประพฤติปฏิบัติและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ บุคคลที่ว่านี้ได้แก่
1. นายกิตติศักดิ์ กุวัฎชาติ นักธุรกิจไฟแนนซ์ เคยได้รับเงินเดือนถึง 5 หมื่นบาทแต่อยู่มาวันหนึ่งภาวะเศรษฐกิจต่ำ เขาถูกขอให้ออก แต่ชีวิตเขายังไม่สิ้นหวัง วันนี้นายกิตติศักด์ ขับแท๊กซี่เพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ
2. นายศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทองกวีน จำกัด เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทองกวีน วิลล่า ไอซ์แลนด์ คอนโดฯ จบการศึกษาที่ มหาวิทยาลัยเท็กซัส ปัจจุบันธุรกิจล้มละลาย และแทนที่จะลงเอยด้วยการฆ่าตัวตาย เขากลับนำลูกน้อง ในความรับผิดชอบ 20 คน ออกมาขายแซนด์วิช เอาชีวิตอยู่รอดไปได้
คนไทยส่วนใหญ่ร้อยละ 95 เป็นพุทธศาสนิกชน จึงสมควรนำหลักธรรมในพระพุทธศาสนามาแก้ปัญหาชีวิตจะดีกว่าการคิดฆ่าตัวตายหลายร้อยเท่าทีเดียว ซึ่งหลักธรรมในพระพุทธศาสนามีจำนวน มากถึง 84,000 พระธรรมขันธ์ จะนำธรรมะข้อไหนมาใช้ก็จะช่วยให้คลายจากความเครียดความทุกข์ ความเดือดร้อน หรือไม่ให้เป็นโรคจิต โรคประสาทถึงการฆ่าตัวตาย ได้ทั้งนั้น ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างธรรมะมาให้ศึกษาค้นคว้า ดังนี้
ก. อริยสัจจ์ ๔ (ความจริงอันประเสริฐ) ประกอบด้วย :-
๑. ทุกข์ ความทุกข์, สภาพที่ทนได้ยาก ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ
๒. สมุทัย สาเหตุของความทุกข์ ได้แก่ความทะยานอยากต่าง ๆ ความต้องการเกินขอบเขต คือ ตัณหา
๓. นิโรธ ความดับทุกข์ ฯ ได้แก่ ภาวะที่ตัณหาดับสิ้นไปฯ
๔. มรรค หนทางนำไปสู่ความดับทุกข์ หรือ "อริยมรรคมีองค์แปด" ถ้าสรุปลงในไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
อริยสัจจ์ ๔ เป็นแก่นพุทธธรรมที่สามารถจะนำไปแก้ปัญหาต่าง ๆ ของชีวิตและของประเทศได้แต่เรามักจะมองข้ามธรรมะตามหลักพุทธศาสนาอยู่เสมอ จึงไม่ได้รับประโยชน์จากพุทธศาสนาเท่าที่ควร
ข. พรหมวิหาร ๔ (ธรรมประจำใจอันประเสริฐ) ประกอบด้วย :-
๑. เมตตา ความรักใคร่ ปรารถนาดีอยากให้เขามีความสุข
มีจิตใจแผ่ไมตรี และคิดทำประโยชน์แก่มนุษย์สัตว์ทั่วหน้า
๒. กรุณา ความสงสาร คิดช่วยให้พ้นทุกข์
๓. มุทิตา ความยินดีในเมื่อผู้อื่นอยู่ดีมีสุข
๔. อุเบกขา ความวางใจเป็นกลาง ไม่ดีหรือเสียใจเกินไปในเหตุอันสุดวิสัยไม่มีอคติปลงใจได้ว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของ ๆ ตน ผู้ทำดีย่อมได้ดี ผู้ทำชั่วย่อมได้ชั่ว
การใช้หลักธรรมที่ว่าด้วย "พรหมวิหาร ๔ " หมั่นพิจารณาอยู่เสมอ โดยการ แผ่เมตตาไปด้วย ดังตัวอย่างที่นำมาเสนอ ดังนี้:-
คำแผ่เมตตา
แผ่ให้แก่ตัวเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอข้าพเจ้าจงมีความสุข
นิททุกโข โหมิ จงปราศจากทุกข์
อะเวโร โหมิ จงปราศจากเวรภัย
อัพยาปัชโฌ โหมิ จงปราศจากภัยจากความ
อะนีโฆ โหมิ เบียดเบียนพยาบาท
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ จงปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ
จงรักษาตนให้เป็นสุขอยู่เถิด
แผ่ให้แก่สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์
เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมด
ทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงอย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพยาปัชฌา โหนตุ จงอย่าได้เบียดเบียนกันและกันแลย
อะนีฆา โหนตุ จงอย่า ได้ทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงเป็นสุข รักษาตนให้พ้นจากทุกข์
ภัยทั้งสิ้นเถิด
การแผ่เมตตาจะช่วยผ่อนคลายจากความคิดที่จะฆ่าตัวตายให้น้อยลงเพราะพรหมวิหารธรรมเป็นหลักธรรมประจำใจของคนเราอยู่แล้วที่จะไม่ฆ่ากันไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกันทั้งการเบียดเบียนตนเองและเบียดเบียนผู้อื่น เพราะทุกคนรักความสุขเกลียดความทุกข์สัตว์เดรัจฉานก็เช่นเดียวกัน
ค. การฝึกสมาธิ เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยไม่ให้มี การฆ่าตัวตายเกิดขึ้นโดยพิจารณาการกำหนดลมหายใจเข้าออก (อานาปานสติ) ประมาณ 30 นาที ต่อจากนั้นให้พิจารณา ว่า :-
๑. ความเกิดก็เป็นทุกข์ (ชาติปิ ทุกขา)
๒. ความแก่ก็เป็นทุกข์ (ชะราปิ ทุกขา)
๓. ความเจ็บป่วยก็เป็นทุกข์ (พยาธิ ทุกโข)
๔. ความตายก็เป็นทุกข์ (มะระณังปิ ทุกขัง)
๕. ความโศกเศร้าก็เป็นทุกข์ (โสโก ทุกโข)
๖. การร้องให้คร่ำครวญก็เป็นทุกข์ (ปริเทโว ทุกโข)
๗. ความน้อยเนื้อต่ำใจก็เป็นทุกข์ (โทมนัสโส ทุกโข)
๘. ความคับแค้นใจก็เป็นทุกข์ (อุปายาโสปิ ทุกโข)
๙. ความประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจก็เป็นทุกข์
(อัปปิเยหิ สัมปโยโค ทุกโข)
๑๐. ความพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจที่เรารักก็เป็นทุกข์
(ปิเยหิ วิปปโยโค ทุกโข)
๑๑. ความปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้นไม่สมหวังก็เป็นทุกข์
(ยัมปิจฉัง น ลภติ ตัมปิ ทุกขัง)
ถ้านั่งสมาธิพิจารณาความทุกข์ทั้ง ๑๑ ประการแล้ว ยังไม่ลดละความคิด
ที่จะฆ่าตัวตายก็ให้พิจารณาเรื่องต่อไปนี้ ได้แก่
ฆ. โลกธรรม ๘ หมายถึง ธรรมดาของโลก, เรื่องของโลก, ความเป็นไปตามคติธรรมดาซึ่งหมุนเวียนมาหาสัตว์โลก และสัตว์โลกก็หมุนเวียนตามมันไป คือ
๑. มีลาภ เสื่อมลาภ
๒. มียศ เสื่อมยศ
๓. มีสรรเสริญ มีนินทา
๔. มีสุข มีทุกข์
พิจารณาไปเรื่อย ๆ เป็นคู่ ๆ สัก ๒๐๐ - ๓๐๐ ครั้ง ความคิดที่จะฆ่าตัวตายก็ผ่อนคลายคงไปได้ โลกธรรม ๘ นี้ ล้วนไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอแก่เราท่านที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ตลอดวันตลอดคืนยกเว้นเมื่อเรานอนหลับสนิทจะไม่เกิดโลกธรรม ๘ แต่อย่างใด
ง. การไหว้พระสวดมนต์และรักษาศีล ๕
เป็นวิธีที่จะช่วยให้คลายจากความเครียด ความทุกข์ ความเดือดร้อน ไม่เป็นโรคจิตโรคประสาท และการฆ่าตัวตายได้เช่นกัน เพราะการไหว้พระสวดมนต์ช่วยให้จิตใจสงบเป็นสมาธิ เยือกเย็นทำให้เกิดปัญญารู้แจ้งถึงโทษของการฆ่าตัวตาย และจะไม่คิด
ที่จะทำลายตนเองหรือผู้อื่นต่อไป
บทสวดมนต์ที่สมควรสวด โดยใช้เวลาไม่มากนัก ได้แก่ :-
๑. คำบูชาพระรัตนตรัย
๒.ปุพพะภาคะนะมะการ (นะโม ตัสสะฯ)
๓. เขมาเขมะสะระณะทีปิกะคาถา (ที่พึ่งอันเกษมและไม่เกษม)
๔. ปัญจะอะภิณหะปัจจะเวกขะณะ (สิ่งที่จะต้องพิจารณาบ่อย ๆ หรือ
เนือง ๆ ก่อนนอน)
๕. มะระณัสสติ (พึงระรึกถึงความตายอยู่เสมอ)
ฯลฯ
ถ้ามีเวลามากบางท่านอาจจะ สวดทำวัตรเช้า และ ทำวัตรเย็น ด้วย และ สมควรสวดมนต์แปลไทย อย่าสวดเฉพาะภาษาบาลี เพราะจะไม่รู้คำแปล ไม่รู้ความ หมายก็จะได้รับประโยชน์จากการสวดมนต์น้อย
การรักษาศีล ๕ สามารถลดละไม่ให้คิดฆ่าตัวตายได้ เพราะศีล ๕ ช่วยควบคุม กายกับวาจาให้เรียบร้อย และเป็นพื้นฐานเบื้องต้นที่จะทำให้จิตเป็นสมาธิเกิดปัญญาจะบรรลุพระนิพพานได้ ถ้าเราสังเกตเวลาพระภิกษุให้ศีล
พระคุณแจ้าจะสรุปอานิสงส์หรือประโยชน์ที่เราจะได้จากการรับศีลอยู่เสมอว่า :-
" สีเลนะ สุคะติง ยันติ
(ศีลทำให้ไปสู่สุคิติ)
สีเลนะ โภคะสัมปะทา
(ศีลทำให้มีโภคทรัพย์)
สีเลนะ นิพพุติง ยันติ "
(ศีลทำให้ไปนิพพาน)
นอกจากนี้ คนขาดศีลจะเป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์ จะทำให้สังคมเดือดร้อน ได้รับ ความทุกข์โดยทั่วกันเป็นคนน่าเกลียด ไม่น่าคบหาสมาคม เป็นคนสกปรก เป็นคนเน่าใน ไม่ว่า ผู้นั้นจะอยู่ในเพศภาวะหรือฐานะเช่นไร ก็ย่อมมีแต่ส่วนเสียทั้งนั้น ดังคำกลอนที่ว่า
"อันสตรีไม่มีศีลก็สิ้นสวย
บุรุษด้วยไม่มีศีลก็สิ้นศรี
พระเณรไม่มีศีลก็สิ้นดี
ข้าราชการศีลไม่มีก็หยาบคาย"
บุคคลที่รักษาศีล ๕ อยู่เป็นประจำทุกวันครบทุกข้อโอกาสที่จะคิดฆ่าตัวตายจะไม่มีอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นในยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำขอให้ชาวพุทธและผู้ที่ไม่เป็นชาวพุทธหันมาให้ความสนใจศึกษาค้น คว้าหลักธรรมขององค์สมเด็จประสัมมาสัมพุทธเจ้าและนำไปประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวันจะดีกว่าความคิด ที่จะฆ่าตัวตายต้องพยายามต่อสู้กับชีวิตอย่าท้อถอยเพราะชีวิตของคนเรานั้นจะให้สมหวังดังที่เราปรารถนาทุกอย่าง หาได้ไม่ชีวิตของคนเราขึ้นอยู่กับ โลกธรรม ๘ ประการ และกฎแห่งกรรม (ใครทำกรรมดีไดัรับผลดี ใครทำกรรมชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว) ตลอดเวลาซึ่งเป็นสัจจธรรมของชีวิต ทุกชีวิตต้องเป็นอย่างนี้เมื่อเราเกิดมาแล้ว เราหนีไม่พ้น โลกธรรม ๘ และกฎแห่งกรรม อย่างแน่นอน การใช้ธรรมโอสถชโลม จิตใจไว้ทุก ๆวันอย่างสม่ำเสมอและต้องพร้อมที่จะลดรายจ่ายของตัวเอง และครอบครัวไปด้วย โดยถือหลักอุดมคติว่า "กินพอดี" "อยู่พอดี" เพื่อเป็นต้นแบบให้เด็ก ๆ และเยาวชนของเราไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมตามกระแส วัตถุนิยมและบริโภคนิยม ที่โถมทับบ้านเมือง เราทุกวันนี้และขอให้คิดถึงพระพุทธภาษิตที่ว่า "ธมโม หเว รกขติ ธมจารึ" (ธรรมย่อมรักษาผู้มีปกติประพฤติธรรม) หมายความว่า ธรรมะย่อมรักษาคนที่ปฏิบัติตามหน้าที่ คนที่รู้หลายอย่างแต่ไม่ปฏิบัติ ย่อมไม่ได้รับผลของการเรียนรู้ ฉันใดก็ดี คนที่รู้แต่ธรรมะอย่าง เดียว แต่ขาดการประพฤติปฏิบัติธรรมก็รักษาไม่ได้ นี่คือ หนทางที่จะทำให้ท่านดำรงชีวิตอย่างสันติสุข ในยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ดไม่ใช่การคิดฆ่าตัวตายซึ่งเป็นแนวทางที่ไม่ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา เพราะเป็นการเบียดเบียน ตนเองครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง ก็จะได้รับความทุกข์ ความเดือดร้อนต่อไปอีกนานแสนนาน
จึงใคร่ขอร้องและวิงวอนให้ท่านที่คิดจะ ฆ่าตัวตายกลับตัวกลับใจ ตั้งต้นชีวิตใหม่โดยนำหลักธรรมในพระพุทธศาสนามาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต และช่วยกันพัฒนาสังคมไทยให้สงบสุขตลอดไป
|