พระราชดำรัส

 
 


พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาส คล้ายวันพระราชสมภพ


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานพระราชดำรัสแก่พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า (5 ธันวาคม พ.ศ. 2546) ความว่า

ขอขอบใจนายกฯ และท่านทั้งหลาย ทั้งข้างใน ทั้งข้างนอก ที่ได้มาชุมนุมกันเพื่อให้พรในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ซึ่งนับว่าเป็นกำลังใจที่จะมีชีวิตการทำงานต่อไป ที่นายกฯ ได้พูดถึงกิจการที่ได้ปฏิบัติมาในรอบปี ก็ความจริงในรอบปีนี้สำหรับส่วนตัวไม่ได้ทำอะไรมากนัก เพราะว่ากำลังกายไม่ค่อยดี ประกอบด้วยการไปเข้าโรงพยาบาลหลายครั้ง และเมื่อเข้าโรงพยาบาลจะต้องฟื้นกำลัง เมื่อเดือนก่อนนี้ได้เข้าไปตรวจร่างกายและใช้เครื่องสมัยใหม่สำหรับตรวจดู เมื่อตรวจดูแล้วเขาให้ดูผลของ....ระวังหน่อยไอ้เรื่อง... ด้วยเครื่องเอกซเรย์ซึ่งถือว่าเป็นเอกซเรย์ธรรมดา แต่ว่าสมัยใหม่ที่สุด เวลาเขาเอามาให้ดูก็ตกใจว่าเราข้างในเป็นอย่างนั้น เขาปอกเปลือกหมด เขาเอาออกหมด แม้กระดูกเขาก็หักกระดูกไปให้เห็นข้างใน เลยดู ดูทำไม เราไม่ตรง เพราะว่ากระดูกมันขด อย่างที่ว่า คดในข้องอในกระดูก เรางอจริงๆ กระดูก เราเชื่อว่าทุกท่านถ้าไปเข้าเครื่องนั้นคงงอ งอเหมือนกัน ไม่ทราบว่าจะคดเหมือนกันหรือเปล่า แต่ว่าดูแล้วก็ตกใจ แล้วก็ไอ้งอในกระดูกเนี่ย มันก็ทำให้ประสาทที่อยู่แถวๆ นั้นถูกบิด ถูกบีบไป เลยทำให้เดินไม่ตรง อย่างบางคนเขาบ่น บ่นว่า พระเจ้าอยู่หัวหมู่นี้ทำไมเดินไม่ตรง ใจมันตรง แต่ว่ากายมันไม่ตรง ทั้งนี้ก็ทราบ แต่ที่น่าดีใจ ที่สันหลัง มีแห่งหนึ่งที่ชำรุด ชำรุดมาประมาณ 3 ปี 4 ปี แล้วก็แพทย์เขาก็บอกว่า อันนี้ต้องซ่อมแซม อาจจะต้องรื้อ อาจจะต้องใช้วิธีสมัยใหม่ คือ ใช้กาวตราช้างไปติด เมื่อทราบจากแพทย์เขาบอกว่า สมัยใหม่นี่เขามีนะ กาวตราช้าง สำหรับให้กระดูกมันอยู่ดี เราก็คิดว่า ปฏิบัติเองได้ ก็กาวตราช้าง กาวอีพ็อกซี เคยใช้มามาก โดยเฉพาะกาวอีพ็อกซี ได้ใช้สำหรับสร้างเรือใบ มันทนมาก แล้วก็ใช้ไม่ยาก เลยนึกว่าน่าจะใช้ ไปดูเอกซเรย์เห็นตรงที่เป็น เหมือนว่า เอากาวอีพ็อกซี ไปปะไว้ ปะฝีมือไม่ดีนัก เพราะว่า มันเลอะไปข้างๆ แต่ไม่เสียหาย แต่ตรงที่จำเป็น ตอนแรกกระดูกมันแหลมๆ เดี๋ยวนี้กระดูกมันป้าน มันก็ดูสวยดี หมายความว่า ใช้ได้ ตรงนั้นไม่มีปัญหา แล้วก็ประสาทก็ไม่กระทบกระเทือน เป็นอันว่า จากการไปเข้าโรงพยาบาล ก็ทราบว่า ร่างกายมันดีขึ้น แล้วก็ปรากฏว่าที่หลังเนี่ยมีการเดิน ก็เดินดูดีขึ้น ไม่เขย่งเหมือนก่อนแต่ก็ยังมีแห่งที่ยัง ยังซ่อมอยู่ ยังไม่เสร็จ ต้องใช้เวลานานกว่าจะซ่อมกระดูกนี้ ก็นึกว่าน่าจะทำได้ ให้ร่างกายมันสมบูรณ์ แต่ใน 2 ปีที่ผ่านมา ได้เข้าทำการผ่าตัด 3 ครั้ง ไม่นับที่หัวใจ นับที่เขาเรียกว่าอะไร เออร์เนีย มันมี 2 ข้าง เราก็ประหลาดใจที่ว่าเออร์เนีย โดยมากเขาก็ทำกันข้างเดียว นี้เราก็ทำทั้ง 2 ข้าง ข้างหนึ่งเป็นมันโป่งออกมาเขาก็ผ่าตัด ผ่าตัดแล้วก็ยัดเอาไส้ที่เลื่อนเข้าไปใหม่และเอาตะแกรงไปเข้ากรุ ให้ไส้มันเข้าคุกไม่ให้ออกมาใหม่ เขาบอกว่าไม่มีวันออกมาได้ จำคุกตลอดชีวิต อีกข้างหนึ่งเขาก็เลยออกว่า เอ๊ะเราได้ได้ท่า ก็ออกมาบ้าง ออกมาแต่นี้ อันนี้ก็เป็นความผิดของส่วนหนึ่ง เป็นความผิดของการพัฒนา

วันนั้นไปที่ปราณฯ ที่เขาทำโครงการปลูกป่าชายเลน เขาก็อธิบายใหญ่ เดินไป ไปดูที่เขาอธิบาย ที่เขาอธิบายนั้นเกี่ยวข้องกับการปลูกป่าชายเลนว่าควรจะทำอย่างไร พอดีมีคนที่เคยเป็นผู้เชี่ยวชาญทะเล ก็มาพูดถึงป่า ก็พูดถึงป่าบนภูเขา เลยไม่เข้าใจ เลยไม่เข้าใจ คนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญนั้นเคยเป็นผู้ต้องดูแลทรัพยากรทางทะเล มาที่ทะเลมาพูดถึงป่า เมื่อพูดถึงป่า ไม่พูดถึงป่าชายเลนด้วยซ้ำ พูดถึงป่าบนภูเขา อันนี้มันผิดประเด็น แต่ก็อธิบายยืดยาวตามเคยของเขา ก็เลยทำให้ยืนอยู่ ไม่ได้นั่ง คนอื่นเลยเดือดร้อนไปด้วย เขาบอกว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่นั่ง เขาก็นั่งไม่ได้ ก็มีผู้เฒ่า ผู้เฒ่าเราก็ผู้เฒ่า เขาก็ผู้เฒ่า เขาก็บอกไม่ไหว ยืนขาชา ยืน 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็สำหรับผู้เฒ่านั้นก็ไม่ใช่น้อย

 

นี่ก็ได้มาดูนิทรรศการ ก็ได้เห็นเรื่อง ไม่ใช่ที่ปราณฯ เรื่องที่ภาคใต้ เขาอธิบายว่า คลองนั้นทำไม่ได้ เพราะว่าต้องตัดต้นโพธิ์ ต้นไทร แล้วต้นไทรนั้นน่ะเขาให้ตัดไม่ได้เพราะว่ามีผี ผีจริงๆ ผีที่ต้นโพธิ์นั้น เพราะที่ต้นโพธิ์ที่ต้นไทรนั้นเป็นที่ที่เขาประหารชีวิตคน พวกผู้ร้าย ที่นั้นเขาก็สร้างศาลเล็กๆ เพื่อที่จะทำให้ผีผู้ร้ายนั้นไม่อาละวาด แต่ถ้าไปตัดต้นไทรนั้นแล้วทำคลองตรงไป ชาวบ้านเขาบอกน่ากลัว น่ากลัวเขาจะโดนลงโทษ ก็ดูๆ ไป นึกว่ามีวิธีที่ทำได้ง่ายๆ ก็คืออ้อม อ้อมต้นไทรนั้นออกมานิดหนึ่ง แล้วถามชาวบ้าน ชาวบ้านที่เขามาเล่าให้ฟัง บอกว่าถ้าเราให้ชลประทานขุดคลองคดออกไปนิดหนึ่ง เขาจะว่าอะไรไหม ที่ดินตรงนั้นน่ะ เขาบอกไม่เป็นไร ที่ดินนั้นไม่หวง ขอให้เลี่ยงต้นไทรนั้น ก็เป็นอันตกลง ท่านรัฐมนตรีก็อยู่ที่นั่น แล้วก็ท่านอธิบดีชลประทานก็รับว่าจะไปทำ ก็ปรากฏว่าทำได้ แล้วก็ไม่ได้ทำให้เสียหายอะไรเลย น้ำก็จะไหลได้ดี ก็เป็นอันว่า ไปดูป่าชายเลน ก็ได้ผลในการพัฒนาถึงนครศรีธรรมราช คือไปดูอะไรที่ไหน ก็เลยไป

ก็มาเจอผู้ที่มาจากพิษณุโลก พิษณุโลกนั่นน่ะ บังเอิญชาวบ้านคนนั้นเขามาจากที่ที่อยู่ใกล้แควน้อยของพิษณุโลกที่จะลงมาในแม่น้ำน่าน จำได้ว่าที่ตรงนั้นมันมีที่น่าจะใช้น้ำเพื่อทำเขื่อนที่นับว่าใหญ่พอสมควร ที่จะช่วยในเรื่อง ถ้ามีขาดน้ำก็จะกักน้ำเอาไว้ และปล่อยลงมาสำหรับทำนา ทำการเกษตร และทั้งในหน้าน้ำ เวลาน้ำจะท่วม น้ำมาจากตรงนี้มันมาก จะทำให้แถวพิษณุโลก แถวอำเภอใกล้ๆ แถวนั้นน้ำท่วมเกือบทุกปี ฉะนั้นถ้าทำเขื่อนให้ได้ ก็จะดี แล้วก็ถามชาวบ้านว่าเห็นด้วยไหมเขาบอกเห็นด้วย ชาวบ้านนั้นเห็นด้วย บอกว่าเขาไม่ขัดข้อง มีคนที่จะเดือดร้อนอาจจะสัก 200-300 คน แล้วก็เลยบอกเขาว่าไปเจรจากับพรรคพวกที่นั่นบอกว่าทางราชการก็จะช่วยหาที่ให้ และจะมีความเป็นอยู่ดีขึ้น เขาก็รับ ทางรัฐมนตรีและอธิบดีก็รับว่าจะไปทำ ไปดู เขาก็รีบไป ไปดู และรายงานท่านนายกฯ นายกฯ ก็บอกว่าอย่างนี้ที่ตะกี้ที่บอกว่า เวลาถึงอายุ 80 ก็ 4 ปี หรือ 82 ก็อีก 6 ปี ก็สร้างเสร็จ แต่ถ้าทำได้ดีโดยไม่มีปัญหาจะช่วยจังหวัดพิษณุโลก และช่วยในเขตใต้ของแม่น้ำเจ้าพระยานี้ด้วย ทำให้น้ำไม่ท่วม น้ำไม่แล้ง เพราะว่าเขื่อนนั้นก็จุได้มาก ภายหลังก็มีคนก็เอะอะโวยวายว่า ถ้าสร้างแล้วจะมีแผ่นดินไหวก็เลยบอกว่าประเด็นนี้ก็จะต้องศึกษา เพราะว่าทั่วทุกแห่งแผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นได้ต้องศึกษา ถ้ามีร่องรอยที่จะร้าวได้ ซึ่งโลกของเราไม่ได้แข็งแรง โลกของเรามีรอยร้าว คือรอยร้าวในดิน ในหิน ก็มี และรอยร้าวในการเมืองมีมาก ฉะนั้นก็กลัวเหมือนกันว่าสร้างเขื่อนนี้จะทำให้รอยร้าวในดินเกิดแผ่นดินไหวโครมมา เราก็จะเดือดร้อน

แต่ที่เดือดร้อนที่สุดก็คือรอยร้าวในคน คนเดียวก็ร้าวได้ อย่างที่กระดูกร้าวต้องปะด้วยกาวอีพ็อกซี แต่ว่าระหว่างคนหลายคน ในหมู่คนมีรอยร้าวก็ลำบากมาก จะต้องหาวิธีที่จะประสาน สมาน ความร้าว นี่แถวหน้านี่ทั้งแถวก็ครูใหญ่ทั้งนั้น ก็รอยร้าวกันเยอะระหว่างคนในหลายๆ พวก ติดๆ กัน ไม่ติด กร๊อบ กร๊อบ ร้าว ไม่สามัคคีกัน อันนี้ควรจะพูดตอนท้ายให้ท่านทั้งหลาย ผู้ที่นั่งอยู่กันไกล ๆ กัน อย่าให้มีรอยร้าว คือให้สามารถที่จะสมานสามัคคีกันได้ อันนี้เป็นสิ่งที่ควรจะพูดตอนท้าย แต่ว่านี้ก็เพิ่มเริ่มพูด ก็อย่าไปนึกว่าจบแล้วนะ ความจริงก็จบเดี๋ยวนี้ก็ได้แล้ว พูดเยอะแล้ว แต่ก็อาจจะมีเรื่องที่น่าจะพูดมากกว่านี้

ฉะนั้นเพิ่งเริ่ม เริ่มถึงไปที่ปราณบุรีและใช้ใจบินไป ไปปักษ์ใต้ที่นครศรีธรรมราช และไปเยี่ยมต้นไทรซึ่งมีผีหลอก แล้วก็ไปที่พิษณุโลกสร้างเขื่อน หมายความว่าวันนั้นไปคุ้ม ไปดูเขาปลูกต้นโกงกาง แล้วก็ได้ทำโครงการเพิ่มเติม หมายความว่าไม่ต้องไปไหนมากแต่ก็ด้วยใจ เราสามารถที่จะไปพัฒนาทั่วประเทศ และพัฒนาทั่วทุกแห่ง เมื่อตะกี้ก็คิดหลายอย่างจากที่นายกฯ พูดว่ายังมีมากที่ควรจะทำ แล้วก็ที่ท่านนายกฯ พูดถึงว่ามีสื่อมวลชนมาพูดมาถามว่าจะต่อสู้ลัทธิที่คุกคามประเทศไทยเวลานั้น เขาถามจริง นี่มันเป็นเวลา 20 กว่าปี 20 กว่าปีนั้นกำลังวุ่นวาย เขามา มาสัมภาษณ์หลายครั้ง เราจำได้ทีเดียว ที่เขาถามถามในห้องทำงาน ห้องทำงานนั้นมีแผนที่ใหญ่อยู่บนฝา แล้วก็ให้เขาดูว่าเราไปทำอะไรที่ไหน เขาจึงถามว่าที่ท่านทำนี้สำหรับต่อสู้ก่อการร้ายใช่ไหม เราบอกว่า ก่อการร้ายอะไร มีก่อการร้ายทุกแห่ง ทั้งในเมืองก็มี แต่ว่าที่เราไปดู เราไม่ใช่จะไปปราบก่อการร้าย พูดจริงๆ อย่างที่นายกฯ บอก เรามาสำหรับปราบความจน ความเดือดร้อนของประชาชน ถ้าเราปราบความจน ความเดือดร้อนของประชาชน ไอ้ก่อการร้ายอะไรต่างๆ ก็ไม่มี ถึงว่าจะต้องพยายามปราบความจน ในการปราบความจนนั้นก็มีที่ว่าต้องพัฒนาอาชีพ ความเป็นอยู่ของประชาชน คืออาชีพ ไม่ใช่เพียงแต่ปลูกผัก ปลูกถั่ว ปลูกงา ให้หลานเฝ้า แต่ว่าเป็นเรื่องของให้ความอยู่ดีกินดี ความรู้ คือการศึกษา

เราต้องช่วยให้การศึกษาดีขึ้น เพราะว่าถ้าการศึกษาไม่ดี คนไม่สามารถที่จะทำงาน การศึกษาต้องได้ทุกระดับ ถ้าพูดถึงระดับสูงคือหมายความว่านักวิทยาศาสตร์ขั้นสูง ถ้าไม่มีการเรียนประถม ขั้นอนุบาล ไม่มีทางที่จะให้คนไทยขึ้นไปเรียนในขั้นสูง หรือเรียนขั้นสูงเรียนไม่ดี ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ดี เพราะว่า ขั้นสูงนั้น ต้องมีรากฐานจากขั้นต่ำ ถ้าขั้นต่ำไม่มี เรียนขั้นสูงต่างๆ ไม่รู้เรื่อง เมื่อไม่รู้เรื่องก็จะทำอะไรที่น่ากลัว เพราะว่า อย่างคนที่ทำระเบิดได้ ซึ่งไม่ยากเลย แต่ก่อนนี้นึกว่ายาก แต่แท้จริงไม่ยาก ที่เขาระเบิดเมื่อเร็วๆนี้ ที่เกิดเรื่อง ที่ระเบิดที่ตะวันออกกลาง เขาไม่ได้ใช้ระเบิดปรมาณูอย่างที่กลัวกัน ใช้ปุ๋ย เอาปุ๋ยมาใส่ แล้วก็ระเบิดปุ๋ยนั่นแหละ ระเบิดทั้งตึก อย่างเมืองไทยก็มีเหมือนกัน เอาระเบิดปุ๋ยมา แต่เดชะบุญที่ระเบิดปุ๋ยนั้นมีผีอยู่ ผีนั้นทำให้เจอว่า มีระเบิดปุ๋ย ครั้งนั้นก็หลายปีอยู่ ถ้าผีที่อยู่ในระเบิด ผีจริงๆ นะ คนเขาฆ่า แล้วเอาใส่ไว้ในถังปุ๋ย ในถังปุ๋ยผีมันทำยังไงไม่ทราบ โวยวาย จนคนเขาไปเจอ ทำให้เรื่องราวมันมีอยู่ว่า รถที่บรรทุกปุ๋ยนั้น บรรทุกระเบิดปุ๋ยมาชนกับรถจักรยานยนต์ เขาก็หยุด เขาก็กลัวเหมือนกันว่า เขาแล่นต่อไปเขาก็ถูกจับ คนขับถูกจับอยู่ดี คนที่ขับจักรยานที่ถูกจับไม่ใช่ผี ผีมันอยู่ในระเบิด เขาก็ไปเจอผีในระเบิด ผีในที่นี้ก็หมายความว่า คนตาย ระเบิดนั้นก็เลยเป็นหมัน ไม่ได้ระเบิด แต่ที่เมื่อเร็วๆ นั้นที่เขาไประเบิดตึกที่แบกแดด นั่นนะใช้ระเบิดปุ๋ยนี่เอง ไม่ได้ใช้ระเบิดปรมาณู นี่ก็หมายความว่า วิชาการที่เรียนเอาปุ๋ยมาระเบิดตึก มันก็ไม่ได้วิชาการชั้นสูงนัก ไม่ใช่เทคโนฯ เคราะห์ดีตอนนั้นน่ะทราบ ไม่งั้นจะไม่เชื่อเลย ทราบแล้วว่าปุ๋ย ปุ๋ยสำหรับปลูกข้าว ปลูกผัก นั่นทำเป็นระเบิดได้

เพราะว่าตอนที่มีก่อการร้ายที่แถวบุรีรัมย์ มีทหารเขามาพูด ทหารคนนี้เขาเกษียณแล้ว ตอนนั้นเป็นพันเอก พันโท เขาใช้ระเบิดปุ๋ยนี้ทดลอง แล้วเขาก็ถ่ายภาพยนตร์มาให้ดู ถ่ายวิดีโอมาให้ดู ระเบิดแรงมาก เขาก็บอกว่า เราไม่มีอาวุธที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้อย่างนี้ดี แล้วเขาก็ทำ ก็หมายความว่า ทหารไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ เขาก็ใช้ปุ๋ยนี้มาใช้เป็นระเบิด เพราะว่าทางราชการ เครื่องมืออาวุธยุทโธปกรณ์ก็ไม่ได้มีมากนัก แต่ว่าทหารในสนามเขาก็คิดจะทำ พัฒนาอาวุธที่จะทำให้ร้ายแรง ใช้ระเบิดได้ ระเบิดศัตรูได้ นี่ที่พูดถึงคนที่มีความรู้ ถ้ามีความคิดพลิกแพลงได้ก็ทำอะไรๆ ได้มาก นายทหารคนนั้นก็เรียนจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ก็หมายความว่าโรงเรียนนายร้อยก็สอนอะไรๆ ก็ดีเหมือนกัน แต่ดูเหมือนไม่ได้สอนการทำระเบิด แต่ว่าอย่างไรก็ตามมีรากฐานความคิดที่แหวกแนว ถ้ามีความคิดแหวกแนวตั้งแต่เด็กก็สนใจที่จะพัฒนาอะไรอะไรได้มาก ถ้ามีความคิดสูงก็จะยิ่งดี

ที่เมื่อเร็ว ๆ นี้ พวกนักเรียนไปแข่งขันโอลิมปิก ไม่ใช่โอลิมปิกวิ่ง หรือโอลิมปิกกีฬา แต่โอลิมปิกวิชาการ ครั้งหลังนี่ไปก็นับว่าดีขึ้นได้เหรียญทองมาเพิ่มเติม แต่ก่อนนี้ไม่ได้ อันนี้สมเด็จกรมหลวงนราธิวาสฯ พี่สาวสนใจมากและมาบ่นบอกว่า นักเรียนมีความรู้ไม่พอเพราะว่ารากฐาน ฐานรากของการเรียนไม่พอ ไม่ดี และก็ฐานรากนี่มาจากไหน ก็มาจากโรงเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนกระทั่งถึงชั้นประถม ชั้นมัธยมและถึงขั้นอุดมศึกษา ต้องพัฒนาให้ดี และพัฒนาวิธีความคิด วิธีคิด ให้มีความซุกซนในความรู้ คือซุกซนอยากเรียนรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์ อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ

ข้าพเจ้าเองเรียน และชีวิตที่เรียนตั้งแต่เด็ก เริ่มต้น เริ่มต้นที่เมืองไทย เข้าอนุบาล เข้าอนุบาลอายุ 3-4 ขวบ แล้วก็จนกระทั่งถึงเข้าโรงเรียนอายุ 5 ขวบ แต่ก็ไม่ได้เรียนต่อในเมืองไทย เพราะว่าต้องตามเสด็จไปต่างประเทศ และไปเข้าโรงเรียน ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ถึง 17 ก็ไปอยู่โรงเรียนตั้งแต่อนุบาลจนกระทั่งถึงขั้นมัธยม ก็พยายามศึกษาในหลักสูตรของโรงเรียนที่เขามี ซึ่งก็นับว่าหลักสูตรของเขานั้นดี เพราะว่าทำให้คิด เขาสนับสนุนให้คิด ไม่ใช่สมัยนี้อย่างที่เมืองไทย เขาหาว่าครูบังคับนักเรียน แต่ว่ามาวิธีที่คิดใหม่ของรัฐบาล ต้องให้นักเรียนสอนครู ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าเด็กนั้นเพิ่งเกิด เพิ่งเห็นโลก จะสอนครูได้ยังไง แต่จริงครูบางคนสอนไม่เป็น รัฐมนตรีบางคนก็สอนไม่เป็น แต่ว่าถ้าสอนให้ถูกจะทำให้เด็กสอนครูได้ ซึ่งไม่ใช่ว่าให้เด็กสอนครู แต่เกิดเด็กมีปัญหาอะไรก็ยอมให้เด็กพูดขึ้นมา เอ๊ะ นี่อะไร เท่ากับสอนครู คือถ้าเด็กร้องขึ้นมาว่า เอ๊ะ นี่อะไร โดยมากครูโกรธ ดูถูกครูรึ ทำโทษ หมายความว่าการปฏิรูปศึกษานี่จะต้องให้มีว่าให้เด็กเกิดสงสัยได้ และอย่าไปนึกว่าสงสัยครู หรือสงสัยอธิบดี สงสัยปลัดกระทรวง สงสัยรัฐมนตรี อ่ะ ผู้ช่วยรัฐมนตรีก่อน ผู้ช่วยรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วยว่าการ รัฐมนตรีว่าการ ถ้าเด็กร้องขึ้นว่า เอ๊ะ นี่อะไร ฟังเขา อันนี้ที่หมายถึงฟังเด็ก เพราะว่าความที่เด็กไม่ใช่เขารู้ เรียนรู้มา แต่บางคนเขามีความคิดที่แปลกๆ แหวกแนว เมื่อเขามีความคิดแหวกแนว เขาร้องเอ๊ะ ต้องฟังเขา ที่บอกอย่างนี้เพราะประสบการณ์ของตัวเอง เมื่อเด็กๆ เราไปร้องเอ๊ะ ทำไมเป็นอย่างนั้น แล้วก็ครูก็ดี ครูฝรั่งที่เขาบอกว่า เขาอธิบายว่าที่เอ๊ะนั่นคืออะไร เราพอใจก็สนใจต่อไป ที่ร้องเอ๊ะนี่เขาไม่ได้สอนในโรงเรียน อย่างประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์เขาสอนเรื่องที่เดี๋ยวนี้เป็นปัญหา เมโสโปตาเมีย เขาสอน แต่สอนเพียงเล็กน้อย เราไปสนใจเมโสโปตาเมีย ซึ่งเมโสโปตาเมียมันก็คืออิรักเนี่ย อิรักนี่ที่เป็นเมโสโปตาเมีย เมโส แปลว่าระหว่าง โปตาเมียก็แปลว่าแม่น้ำ แม่น้ำระหว่าง 2 แม่น้ำ แม่น้ำไทกริส กับแม่น้ำยูเฟรติส ไอ้ระหว่างนั้นเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมาก ก็มีเมืองสำคัญๆ ในนั้น เขาก็สอน แต่ว่ามีเมืองบางเมืองสำคัญพอๆ กัน เวลานั้นก็เป็นเวลาเกือบ 70 ปี เอ้อ 70 ปีแล้ว เมื่อ 70 ปีก่อนนี้ ที่ฝรั่งยังไม่ได้ศึกษาดี แล้วก็ไม่ได้สอน มาสมัยนี้เมืองที่เราสนใจ เดี๋ยวนี้เขาถือเป็นเมืองสำคัญกว่าเมืองแบกแดด เมืองบาบิโลน แต่ว่าเขาไม่รู้ พอดีได้ไปซื้อหนังสือมาแล้วก็ไปเจอเมืองที่เรียกว่า "อู" ตอนนั้นไม่มีใครรู้จักเลย ครูก็ไม่รู้จัก เราก็บอกเอ๊ะ ไปร้องเอ๊ะ มันน่าสนใจนะ ลงท้ายด้วยไปซื้อหนังสือนั้นมาอ่าน แล้วก็มีคล้ายเป็นผู้เชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์โบราณ และมาเดี๋ยวนี้เกิดสงคราม สงครามอ่าว สงครามที่ในเมโสโปตาเมีย สงครามที่อเมริกันกำลังไปอยู่ที่นั่น ลำบากใจ ก็เราก็รู้ รู้ว่าภูมิประเทศและคน ประชาชนแถวนั้นมีประวัติศาสตร์อย่างไร หลายพันปี ประวัติศาสตร์ในแถวนั้นเป็นประวัติศาสตร์ที่สำคัญของโลก ซึ่งฝรั่งเขาถือว่าประวัติศาสตร์ที่สำคัญมี ประวัติศาสตร์อียิปต์ ประวัติศาสตร์เมโสโปตาเมีย ประวัติศาสตร์กรีก ตอนนี้ก็ไม่รู้จักเท่าไหร่ประวัติศาสตร์จีน แต่มาเดี๋ยวนี้ก็รู้จัก ประวัติศาสตร์อินเดีย ประวัติศาสตร์จีน อเมริกาไม่พูดถึง เพราะว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ใหม่ แต่ว่าในที่สุดก็มี เขาก็ศึกษาไป ก็ประวัติศาสตร์เรียกว่า อินเดียน อินเดียนอเมริกัน อินเดียนเก่า ที่เขาเรียกว่าอินเดียนนั้นที่อเมริกา เขาว่า เขานึกว่าเดินทางไปเจอเมือง ไปเจอดินแดน เขานึกว่าไปถึงอินเดีย อินเดีย ภารตะ เขาก็เลยเรียกว่าเป็นอินเดีย แท้จริงไม่ใช่ เป็นคนละเมืองคนละพวก

ก็ศึกษา ข้าพเจ้าเองก็เกิดสนใจ สนใจประวัติศาสตร์ของพวกมายา พวกมายาเนี่ย เพื่อนๆ เด็กๆ ก็ไม่รู้จัก เพราะว่าไม่เคยเรียน เขาไม่สอน ในโรงเรียนครูไม่สอน เราก็ต้องสอนครู นี่มันก็แปลกอย่างนี้ เราก็ทำตามนโยบายของท่านนายกฯ ตั้งแต่ท่านนายกฯ ยังไม่เกิด เราสอน เราสอนครู แล้วลงท้ายครูเขาก็ยอมรับ ดีอยู่ที่ครูยอมรับ เราก็เลยไม่ถูกดุ ไม่ถูกดุแบนไปเลย แต่ท่านนายกฯ ก็เห็นว่าควรที่จะให้เด็กๆ สอนครูได้ ถูกต้อง แต่ว่าให้เด็กสอนครูจนกระทั่งครูไม่ได้สอนเด็ก อันนี้เป็นไปไม่ได้ ถ้าเด็กสอนครู คือมันไม่ก้าวหน้า ครูต้องสอนเด็ก ครูดีๆ ยังมี อย่างน้อยในนี้ก็มีคุณครูที่ดีคนนึง คือท่านนายกฯ ท่านนายกฯ ไปสอนเด็กๆ แบบให้เด็กสอนครู แต่สังเกตดูนายกฯ สอนเด็กให้เด็กสอนครู แต่ว่าท่านนายกฯ ไม่ยอม ไม่ยอมให้เด็กสอนนายกฯ อันนี้ล่ะที่ท่านนายกฯ ไปสอนเด็กก็เป็นหมัน เพราะว่าท่านนายกฯ ไม่ยอมให้เด็กสอนครู นี่ก็สังเกตดูได้เห็นว่าท่านนายกฯ สอน สอนแบบสอน สอนแบบโบราณ อย่างนี้ท่านนายกฯ ไม่ค่อยชอบ โบราณไม่ชอบ ชอบสมัยใหม่ ต้องไอที ไม่ต้องน้อยใจ ข้าพเจ้าเองก็เจอ เจอเพราะว่าเมื่อตอนที่เขามีไอทีใหม่ๆ เขาบอกว่า พระเจ้าอยู่หัวเป็นไอที คิง เป็น คิงไอที ที่เชี่ยวชาญไอที เราก็เหนียมเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่าไอทีคืออะไร ไอทีเป็นอะไรไม่ทราบ เลยต้องศึกษา ว่าไอทีคืออะไร ลงท้ายก็ไม่ค่อยรู้เรื่องไอที แต่ว่าทำท่ารู้ แต่ก่อนนี้ไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ ก็มาเริ่มใช้คอมพิวเตอร์ ตอนแรกที่ใช้คอมพิวเตอร์ ตั้งใจจะใช้คอมพิวเตอร์ ไม่ใช่สำหรับการทำรีเซิร์ชอะไร นี่เราเลยติดกับนายกฯ พูดภาษาฝรั่ง คือต้องเขาว่า ไอทีเนี่ยะต้องค้นคว้า วิจัยต่างๆ เราไม่ได้ทำอย่างนั้น เราตั้งใจที่จะเขียนโน้ตดนตรี รู้ว่า เขียนด้วยมือมันไม่สวย เขาก็มีวิธีใช้ ละมุนภัณฑ์ ละมุนภัณฑ์สำหรับดนตรี เอะ ละมุนภัณฑ์ไม่ค่อยรู้เรื่อง ละมุนมันนิ่ม ก็เลยทำไปทำมา ละมุนภัณฑ์สำหรับดนตรีนั้นนะ ก็ใส่เครื่องดนตรี เครื่องคอมพิวเตอร์ ใส่เข้าไปมันใช้ไม่ได้ดี เราก็ตบแต่งของเราเองที่เขียนโน้ตดนตรีทุกวันนี้ใช้ละมุนภัณฑ์ของตัวเอง แต่ว่ามันยาก เขียนยากหน่อย แต่ก็ใช้ได้ ก็แก้ได้ เลือกที่ใช้ ก็เลยลำบากเพราะว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทุกวันนี้มีอายุ 16 ปีแล้ว 16 ปี ได้มาเครื่องนี้ได้มาก่อนอายุ 60

อันรู้ ท่านนายกฯ ทราบ วู้ไม่ดีต้องถวายเครื่อง ต้องถวายเครื่องที่ทันสมัยหน่อย ความจริงได้รับเครื่องทันสมัยมา 5-6 รุ่นแล้ว ที่ใช้อยู่เดี๋ยวนี้เนี่ย และก็ปีต่อไปก็มีอีกอันหนึ่ง เขาเอามาให้ไม่ได้ซื้อ อันแรกเราซื้อ ไม่ทันใช้ ล้าสมัยแล้ว ต่อมามีอีกอัน แล้วต่อมามีอีกอัน อีกอัน ซิสเต็มก็เปลี่ยน จนกระทั่งเราไม่ไหว ตามไม่ทัน เราก็ใช้อันบุโรนั้น อันบุโรซึ่งเดี๋ยวนี้กลัวว่าอีกสัก 2 ปี มันจะระเบิดเพราะว่าถ้าทำไม่ดีมันระเบิด มันมีระเบิดขึ้นมา เพราะว่าใช้มากเกินไป แต่ว่านึกว่าคงไม่เป็นไรเพราะว่าเราใช้อย่างปัญญาอ่อนมาก คือไม่ใช้อย่างก้าวหน้า และมานึกดูทำอย่างไรที่จะใช้คอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย จะได้ไม่อาย ไม่ต้องอายนายกฯ เลยนึกว่าเมื่อคอมพิวเตอร์อันนี้หมดอายุจริง ๆ จะก้าวหน้ามาก ข้ามมาคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ ตอนนี้ก็จะต้องเรียนแล้ว สอนครูไม่ได้ ครูก็ไม่มีแล้ว ครูก็เกษียณหมดแล้ว

ก็เลยนึกว่าจะต้องมาขอพึ่งครูทักษิณ ก็ไม่มีแล้ว ครูในเมืองไทยไม่มี ไม่มีครูอื่น มีแต่ครูทักษิณ แล้วนี่ก็อีกหน่อยก็คงต้องเดือดร้อน นายกฯ ต้องเดือดร้อน เพราะว่าจะต้องมาสอน ไม่มีเวลาไปทำอะไรอื่น สอนอยู่นั่นน่ะ แล้วเราก็ไม่เข้าใจ ก็ต้องสอนอีก แล้วลงท้ายนายกฯ ทักษิณก็บอก ข้าพเจ้าเป็นครู ข้าพเจ้าต้องฟังลูกศิษย์ เราก็ต้องสอนครูทักษิณ นี่มันเป็นอย่างนี้ สมัยใหม่ วิธีการศึกษาสมัยใหม่ของนายกฯ ก็ต้องสอนครูทักษิณ ใครๆ ก็ต้องสอนทักษิณ แต่ว่ามันไม่ใช่ ไม่ใช่บูรณาการ บูรณาการเนี่ยเราก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจ ตอนนั้นนายกฯ ไปประชุมก่อการร้ายที่บาหลี แล้วก็มีท่านรองนายกฯ มา ท่านรองนายกฯ ก็มาพูด บูรณาการ ซีอีโอ เราก็มึนเหมือนกันน่ะ ท่านพูดว่าอะไร บูรณาการ แล้วก็ซีอีโอ เราก็ไม่ทราบว่าท่านพูดอะไร ก็เลยอยากถามท่าน เพราะท่านก็เป็นครู ถามไปถามมามาขอให้เราสอน ขอให้เราสอนซีอีโอ เราก็บอก มิบังอาจ มิบังอาจที่จะสอนซีอีโอ ซีอีโอเขาใหญ่ เขาสั่งได้ทุกอย่าง แล้วตอนหลัง ปรากฏว่าถามเขา เขามาอยู่ที่ มีซีอีโอ ตอนนั้นเราไปเจอซีอีโอที่หัวหิน ไม่กี่วันที่หลังเราจะมาเรื่องเอเปกที่กรุงเทพฯ แล่นรถ แล่นก็ไม่ได้ น้ำท่วม เขาบอกว่า แล่นรถไปไม่ได้เพราะว่าน้ำท่วม รถนั่ง นั่งไม่ได้ มันจะลอยไป ก็เลย ได้เจอกับผู้ว่าฯ ซีอีโอ ผู้ว่าฯ ซีอีโอเขาก็งง ไม่รู้จะทำไง ก็ผู้ว่าฯ ซีอีโอน่ะเป็นคนเก่ง แต่ว่าซีอีโอสั่งไม่ได้ ที่จริงซีอีโอจะต้องสั่ง แต่คนที่สั่งนั้นน่ะต้องรู้เรื่อง ท่านผู้ว่าฯ นั้นเพิ่งมา 2 อาทิตย์ มา 2 อาทิตย์ ก็ไม่รู้จักที่เลย ไม่เคยมา ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ทำหน้าที่ซีอีโอเหมือนกัน ก็เลยเละเลย แต่เขาบอกว่าน้ำที่ถนนน่ะมีน้ำ 1 เมตร ซึ่งรถแล่นไม่ได้ ทำไปทำมา ภายในชั่วโมง เขาบอกว่าเขาจัดการได้แล้ว มีน้ำเพียง 10 เซนติเมตร เอ๊ะ เป็นยังไงนะ ตอนนั้นบอกมีน้ำ 1 เมตร หมายความว่าผู้ว่าฯ ซีอีโอ ภายใน 10 นาที เอ้อภายในชั่วโมง ท่านเรียนรู้แล้ว สั่งอย่างนั้น ให้ ไม่ให้ปล่อยน้ำมาทางนี้ ให้ปล่อยน้ำไปทางโน้น ก็ลงท้ายก็แล่นรถไปได้ มาประชุม ที่เขาประชุมซีอีโอกัน มี State Visit ตั้ง 3 แล้วก็อะไร ท่านนายกฯ จัดหมด แล้วขากลับแห้ง ถึงให้เงิน 18 ล้าน 1 แสน ให้กับเขาเพื่อที่จะทำ เพราะว่าน้ำมันไม่ไป น้ำมันไม่ลง เพราะว่าน้ำมันถูกกัก มีคันเขื่อนที่เขาทำไว้สำหรับไม่ให้น้ำทะเลเข้ามา ตอนนี้น้ำทะเลมันไม่เข้า แต่น้ำจืด น้ำเขื่อนเขาปล่อยลงมามันไม่ออก มันเป็นอย่างนี้ เรื่องวิธีปราบน้ำท่วม หรือน้ำแล้ง ถ้าน้ำแล้งก็ต้องกันเอาไว้ เพื่อที่จะให้น้ำเอาไว้เป็นประโยชน์ได้ แต่ว่าถ้าน้ำมันมากก็ต้องปล่อยให้ออกไป แต่นี่ทำไม่ได้เพราะไม่มีทางออก เขากันน้ำทะเลไม่ให้เข้า น้ำจืดที่มา มาท่วม 1 เมตร ที่จริงมากกว่า 1 เมตร ก็ออกไม่ได้ ก็เลยให้ต้องตัด ตัดถนนหรือตัดเขื่อน ตัดคันป้องกันน้ำเค็ม ตัดออกมันก็น้ำพรวดออกไป หลักวิชาของชลประทาน อันนี้เป็นเรื่องของชลประทาน ที่เขื่อนเพชร เขื่อนเพชรนั้นรับน้ำจากแม่น้ำเพชร แล้วก็ยกระดับน้ำขึ้น นี่เป็นวิชาการชลประทาน ยกระดับน้ำขึ้นสำหรับดันให้เข้าไปในคลองส่งน้ำ คลองส่งน้ำนั้นเขาก็เอาใช้ออกไปในนา ในสวนที่ต้องการน้ำ ในยามปกติก็เป็นอย่างนั้น คลอง มีเขื่อนยกระดับน้ำ แล้วดันเข้าไปในคลอง ในคลองซึ่งส่งไปที่ที่ทำการเพาะปลูก แต่ตอนนี้น้ำมันมาก ไอ้คลองนั้นน่ะจะต้องเป็นคลองระบายน้ำ ซึ่งที่เพชรบุรีไม่มีคลองระบายน้ำ มีแต่คลองส่งน้ำ ท่านอาจจะไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างคลองส่งน้ำกับคลองระบายน้ำ ส่งน้ำหมายความว่า เอาน้ำส่งไปในที่ที่ต้องการ ระบายน้ำแปลว่า เอาน้ำนั้นออกจากที่ที่ไม่ต้องการ ที่เพชรบุรี ไม่มีคลองระบายน้ำ และก็ไม่มีประตูควบคุมน้ำ ประตูมันกั้นน้ำทั้งนั้นก็เลยทำให้วุ่นวาย ไม่ใช่ความผิดของท่านผู้ว่าฯ ซีอีโอ แต่ท่านไม่รู้ ท่านไม่เคยเรียน ท่านไม่เคยเรียนชลประทาน ท่านไม่เคยเรียนดูแผนที่ อย่างที่นายกฯ บอกว่ามีวิชาดูแผนที่ ท่านไม่รู้ แต่ท่านเรียนเร็ว ลงท้ายก็เรียบร้อย และก็เชื่อว่าไม่มีน้ำท่วมเพชรบุรี แต่ก็ต้องทำโครงการให้ครบถ้วน

แล้วก็ที่นายกฯ พูดถึงโครงการกุยบุรี กุยบุรีนี่ทำตั้งนานแล้ว เป็นอ่างเก็บน้ำที่เก็บน้ำได้ 32 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่น้ำมันเยอะที่นั่น น้ำก็ต้องปล่อยออกมาก็มาสมทบทำให้น้ำท่วมด้านประจวบฯ คือ ที่ทำเขื่อนนั้นไม่ได้สูง ไม่ได้ใหญ่ เพราะว่าไม่มีเวลา สมัยที่สร้างนั้นเป็นสมัยมีก่อการร้าย ช่างไม่กล้าที่จะชักช้าอยู่ที่นั่น มีคนที่ถูกยิงตาย มีช่างถูกยิงตายแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คุ้มกันก็ถูกระเบิด ก็ไม่ใหญ่พอ แต่ที่หลังนี่เข้าไปได้เรียบร้อย คนก็เข้าไป เข้าไปทำมาหากินมากขึ้น เลยลำบากในการที่จะสร้างเพิ่มเติมที่นั่น แล้วก็มิหนำซ้ำยังมีก่อการร้ายช้าง ช้างก็อยู่ในนั้น มาก่อการร้ายผู้ที่เข้าไปอยู่ในนั้น คนที่อยู่ในนั้นก็เคยเป็นก่อการร้าย ก็เท่ากับกรรมสนอง สนองกรรม คือคนที่ทำอย่างนั้น ไอ้ช้างมันก่อการร้ายมันมาก็กินสับปะรดของก่อการร้าย อันนี้จะทำยังไง เราก็ต้องทำโครงการช่วยช้าง เพื่อที่ให้ช้างไม่มากินของเกษตรกรในนั้น แล้วก็รู้สึกเกษตรกรก็เชื่อ เขาก็เคยรู้เป็นก่อการร้ายเป็นยังไง ก็เลยเป็นอันว่าตกลง นี่ก็ต้องสร้างเขื่อนให้เก็บน้ำดีขึ้น อย่างมากที่สุดก็ 2 เมตรกว่าๆ ก็นับว่าจะดี ได้น้ำเพิ่มเติม 9 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งนับว่าไม่เลว มันไม่มากสู้ที่อื่นไม่ได้ แต่ว่า ไม่มากแต่ว่าดีกว่าที่ไม่มี ความจริงควรจะมีอย่างนี้ทั่วตลอด ให้สามารถที่จะเก็บน้ำแล้วก็ป้องกันไม่ให้น้ำมาท่วมตอนหน้าฝน หรือมีพายุเข้ามา ไม่ให้น้ำแล้ง ให้มีน้ำใช้สำหรับการกสิกรรม หรือการบริโภค เดี๋ยวนี้ทั่วโลกเขาบ่นว่าขาดน้ำ ในระหว่างที่บ่นว่าขาดน้ำ มีคนเขาตายเพราะถูกน้ำท่วม อย่างฝรั่งเศสใต้เดี๋ยวนี้ตายไปเกือบ 10 คนแล้ว ทำไม เพราะว่าเขาไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำโครงการระบายน้ำที่ถูกต้อง เห็นในแผนที่เขาก็โชว์ มันผิด แต่ถ้าแก้ไขมันลำบาก ลำบากเพราะว่าวิธีที่เขาทำ ถึงเป็นห่วงอย่างกรุงเทพฯ นี่เป็นห่วง ถ้าทำโครงการกั้นน้ำไม่ให้ท่วมกรุงเทพฯ อาจจะกำลังสนใจ คือคันข้างแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดกรุงเทพฯ นี่ถ้าทำให้สำเร็จ ให้มีประสิทธิภาพสูง น้ำก็จะท่วม เพราะว่าน้ำจะขึ้นสูงขึ้น ไอ้นี่มันเป็นหลักของชลศาสตร์ ถ้าทางระบายน้ำหรือทางเป็นคลอง น่าจะท่อ ถ้าแคบ ต้องทำให้สูงขึ้น เพื่อให้น้ำผ่านได้มากขึ้น แต่ที่กรุงเทพฯ นี่ลำบากมาก เพราะว่าน้ำมันอยู่ใกล้ทะเล ขึ้นสูง น้ำทะเลก็ขึ้นสูง มันดุนกัน น้ำก็ท่วมออกมา มันไม่มีที่ที่จะอยู่ ฉะนั้นจะต้องทำโครงการที่จะให้มีที่ น้ำมีที่อยู่ ถึงมีโครงการแก้มลิง ซึ่ง ณ ต่างประเทศเดี๋ยวนี้เขาทำโครงการแก้มลิง แม้แต่ผู้ที่เป็นต้นตำรับของโครงการป้องกันน้ำท่วม คือที่นิวออร์ลีนส์ และกองพันทหารช่าง เขาเป็นกองพัน หรือกองพล ของอเมริกา ที่เขาทำ มีการป้องกันน้ำท่วมที่นิวออร์ลีนส์ ซึ่งนิวออร์ลีนส์เป็นเมืองอยู่ต่ำกว่าระดับทะเล เขาทำเขื่อนสูง เป็นกำแพงตลอดรอบ น้ำทะเลขึ้นมาก็ไม่เข้า แต่ว่าเขาจะกั้นปิดแม่น้ำมิสซิสซิปปีไม่ได้ เพราะต้องมีทางให้เรือเข้า ทีนี้เขากำลังเดือดร้อน เดี๋ยวนี้มิสซิสซิปปีก็น้ำมันมากขึ้น เพราะทำไม ฝนตกมากขึ้น และข้างบนเขากั้นไว้หมด กั้นไม่ให้มิสซิสซิปปีแผ่ออกไป แต่ก็มีโครงการเหนือนิวออร์ลีนส์ ซึ่งเป็นทางสำหรับระบายออกทะเลไปลงแก้มลิงยักษ์ของเขา ซึ่งไม่ใช่แก้มลิง ซึ่งเป็นทะเลนั่นเอง แต่เวลาถึงเวลาน้ำมันมาเขาก็ปล่อยข้างๆ ไปทางตะวันออก ถ้าไม่พอเขายังทำการปล่อยน้ำลงทางตะวันตกของเมือง ซึ่ง เขาเรียกว่า เป็นคลอง เป็นซุปเปอร์คลอง คือ อัตฉฟาลายา ไม่ใช่คลอง เป็นที่ๆ กว้างออกไป ปกติน้ำไม่ท่วม เขาอนุญาตใครอยากไปทำกสิกรรมที่นั่น แต่ทางการไม่รับรองว่า ว่าน้ำจะไม่ท่วม เพราะเมื่อถึงเวลาน้ำก็ท่วมมาทางนั้นไม่ท่วมนิวออร์ลีน ก็ลงมาอัตฉฟาลายานั้น แต่เดี๋ยวนี้ กำลังเดือดร้อนเพราะอัตฉฟาลายานั้น มีผักตบชวา มีอะไรพวกนั้น น้ำไม่ไหล น้ำไหลยาก ก็ไม่ทราบเขาจะทำอะไร ถ้าอยากรู้ต้องไปถาม ต้องให้พวกที่เอ็มไอที ที่เขามาช่วย มาช่วยเรื่องของเมืองไทย แต่ถ้าเมืองไทยไม่พยายามทำ แก้ไขสถานการณ์น้ำท่วม กรุงเทพฯนี้ จะถูกคนเขาขู่มาหลายปีแล้ว เราก็ฟังๆ ไม่อยากพูดว่าจริง แต่ความจริงเป็นจริง ว่า กรุงเทพฯนี้จะท่วม ไม่ใช่เพราะว่า ดูดน้ำบาดาล ทรุดก็ทรุดแน่นอน เพราะว่า กรุงเทพฯ นี่ ที่เขาเรียกว่า เป็นพรุทั้งอัน ไม่ใช่ไม่เป็นพรุ ที่รู้ว่าเป็นพรุ อย่างสวนหลวง ร.9 นั่นนะขุดไปมันเป็นพรุแล้วก็ดินมันเปรี้ยว ที่ทั่วกรุงเทพฯ เนี่ยดินเปรี้ยว มีคนเขาซื้อดินเพราะว่า คนไปขุดดินมาขาย อย่างที่ที่สวนหลวง ร.9 ที่มันโหว่เพราะว่าทำไม เพราะว่ามันไปแอบขุดดินมาขาย แต่สมน้ำหน้า คนที่ซื้อดินมาปลูกต้นไม้ตายหมด เพราะว่ามันเปรี้ยว ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ถ้าเอาดินของสวนหลวง ร.9 มาจ้างพระเจ้าอยู่หัวฯ จ้างเทคโนโลยี การแก้ดินเปรี้ยวไปเรียนที่พิกุลทอง ที่นราธิวาส พิกุลทองนราธิวาส มันเปรี้ยวหมด ขุดทำบ่อน้ำ ทำบ่อเลี้ยงปลา ปลาโดดหนีหมด โดดจริง ไม่เคยเชื่อ แม้จะปลาเงินปลาทอง ซึ่งทนเปรี้ยวใส่มามันก็โดด เพราะว่ามันเปรี้ยว ไปปลูกดอกบัว ดอกบัวเ++่ยวเพราะมันเปรี้ยว เราต้องแก้ไขจนได้ แก้ไขไม่ให้เปรี้ยวจนปลูกข้าวได้ กลางพรุในที่ที่เปรี้ยว คงไม่มีใครกี่คนได้เห็นว่าดินพรุเป็นอย่างไร

เล่าให้ฟัง ดินพรุนั้นน่ะ เขาขุดลงไปประมาณ 2 เมตร ข้างบนก็สีแดง ๆ แต่ลงไป ๆ สีเขียว สีม่วง อันนั้นเป็นดินที่มีกำมะถัน กำมะถันมาโดนกับอากาศกับน้ำกลายเป็นกรด เป็นกรดกำมะถัน ทางพัฒนาที่ดิน เขาบอกขุดอย่างนั้นตายแน่ จะกลายเป็นกรดกำมะถัน ทำอะไรไม่ได้ ปลูกอะไรไม่ได้ เราก็นึกว่า ก็ดีเหมือนกันเป็นกรดกำมะถัน เราขุดไอ้นี่มาทำโรงงานก่อน กรดกำมะถันมาสร้างโรงงานทำแบตเตอรี่ และเอากรดกำมะถันใส่ก็ได้ไฟฟ้า ไฟฟ้ามันหายากก็จะทำแบตเตอรี่กรดกำมะถัน แต่ทำไปทำมาวิธีของเราทำภายใน 2 ปี ได้กินข้าว ได้กินข้าว แต่ก่อนนี้ที่ตากใบ เป็นอำเภอที่ติดกับอำเภอเมือง ติดกับเขตแดน ชาวบ้านปลูกข้าวไม่ได้ เขาปลูกข้าวดูตอนแรกขึ้นเขียว ไม่เท่าไรก็เหลือง เหลืองไม่ใช่เพราะข้าวสุก เหลืองเพราะแห้งตาย มีเป็นหย่อมๆ บางแห่งที่เขียว และในที่สุดได้ข้าวไร่หนึ่งได้ประมาณครึ่งถัง ไม่ถึงครึ่งถัง เราไปทำวิธีแก้ไข 2 ปี เขาได้ข้าวไร่ละ 30 ถัง แล้วก็เวลาเขาชวนไปดู ก็ได้เห็นข้าวเขาใส่ในถุงเล็กๆ วางข้างทาง เราก็จอด แล้วเขาก็ยกข้าวถุงๆ มาใส่ มันก็เต็มรถ แต่ก็เยอะแยะ เขาบอกเอาไว้กิน มีถมเถ เขาขายแล้ว ได้ขาย มีกิน เก็บกิน แล้วก็ขาย เพราะว่าอันนี้เป็นเทคโนโลยีที่ท่านให้ เป็นวิชาการของการทำให้ดินเปรี้ยวกลายเป็นดินที่ใช้ได้ แล้วก็ทำได้ แต่ก่อนนี้ไม่ได้ทำ แต่ทำเทคโนโลยีใหม่ๆ ต่างๆ เหล่านี้เป็นเรื่องของต้องศึกษา แล้วก็ต้องใช้จินตนาการด้วย ไม่ใช่มีในตำรา ถ้ามีในตำราฝ่ายมลายูก็ทำแล้ว ข้ามฟากไปทางนู้น วิธีปลูกข้าวไม่เหมือนของเรา แต่ของเราเพิ่งพบวิธีปลูกข้าวในพรุ และทำให้นราธิวาสมีกิน แล้วก็ขายได้ อันนี้ที่ หมายความว่า จะต้องสอนให้เด็กๆ มีจินตนาการ ซึ่งตอนนั้นฝ่ายมาเลเซีย ฝ่ายมลายูเขาก็มีเทคโนโลยีสูง เราก็ชื่นชมรัฐบาลมาเลเซียว่าเขาเก่ง เขามีความสามารถ เขาฉลาด จริงๆ เขาฉลาด แต่ตอนนั้นเขาก็ปลูกข้าวไม่เป็น เขาต้องเอาคนไทยไปสอน แต่ที่เราสอนได้จากคนที่มีความรู้ แล้วเรียนเกี่ยวกับการเกษตร และมาพลิกแพลงให้สามารถทำให้ดินมีผลิตผลได้

แล้วอันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ จะต้องสามารถที่จะเลี้ยงตัวได้ ถึงว่ามาเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง แต่ว่าเศรษฐกิจพอเพียงนี้ก้าวหน้าไปอีก ว่าไม่ใช่เพียงแต่ปลูกให้มีพอกิน ไม่ใช่พอกินอย่างนั้น มันต้องมีพอที่จะตั้งโรงเรียน มีพอที่จะมีแม้แต่ศิลปะ ถ้ามีศิลปะเกิดขึ้น แล้วประเทศชาติ ก็ถือว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่เจริญในทุกทาง เจริญในทางไม่หิว มีกิน คือไม่จน แล้วก็มีกิน แล้วก็มีอาหารใจ อาหารที่จะ ศิลปะหรืออะไรอื่นๆ ให้มากมาย ความสะดวกให้สามารถที่จะสร้างอะไรๆ ได้ นี่ก็เศรษฐกิจพอเพียง แต่เศรษฐกิจพอเพียงสำคัญ ว่าจะต้องรู้จักขั้นตอน คือถ้านึกจะทำอะไรให้เร็วเกินไป ไม่พอเพียง แต่ถ้าไม่เร็วเกินไป หรือถ้าช้าเกินไป ก็ไม่พอเพียง ต้องให้รู้จักก้าวหน้า อาจจะเร็วก็ได้ แต่ว่าให้ก้าวหน้าโดยที่ไม่ทำให้คนเดือดร้อน อันนี้ล่ะเศรษฐกิจพอเพียง ก็คงได้ศึกษามาแล้ว เราพูดมาตั้ง 10 ปีแล้วเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง แล้วเศรษฐกิจพอเพียงก็ต้องปฏิบัติด้วย ปฏิบัติที่ประหลาดที่สุดที่เริ่มต้นที่สระบุรี ที่วัดมงคลชัยพัฒนา นั่นน่ะ เริ่มต้นมา 15 ปีแล้ว ก่อนถึงอายุ 60 สร้างแล้ว ก่อนมีมูลนิธิชัยพัฒนาด้วยซ้ำ แล้วก็ไม่ใช่ใช้เงินงบประมาณ ใช้เงินเพื่อนฝูง เริ่มต้นที่นี่ ในศาลาดุสิดาลัย มีเพื่อนฝูงเอาไหม ไปซื้อที่ ก็ต่างคนให้ 1,000 - 2,000 บาท แล้วเราก็ได้ไปจัดการที่ตรงนั้น 15 ไร่ก่อน นั่นล่ะเศรษฐกิจพอเพียงมันเริ่มต้น แล้วก็ค่อยๆ ขยายขึ้น จนกระทั่งไปทั่วประเทศ และจนกระทั่งรัฐบาลสนใจ ไม่ใช่รัฐบาลเท่านั้น ก็หมายความว่า พวกที่เป็นนักเศรษฐกิจเก่งๆ สนใจ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องโฆษณาแล้ว เพราะว่านักเศรษฐกิจที่มีความรู้เขาเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วสบายใจ ที่มาแล้วก็มาถวายพระพรให้สบายใจ อย่างนี้ถ้าเข้าใจที่พูดที่ทำอะไร อันนี้ล่ะเป็นพรที่ดีที่สุด แล้วก็พอใจ ในเรื่องอื่นไม่ใช่เรื่องข้าวเท่านั้น ในเรื่องด้านปกครองทั้งหลาย ในด้านวิชาการอื่นๆ มันก็มีพอเพียงเหมือนกัน อย่างตอนนั้นพูดถึงรัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ มีรัฐศาสตร์พอเพียงก็มีเหมือนกัน ทำให้พอเพียงใช้ไม่ได้ จะทำให้ ทำให้เละเทะไปหมด ฉะนั้นก็ที่พูดนี้ก็ตะล่อมให้กลับใจว่าให้พอเพียง ไม่ใช่เศรษฐกิจ ให้พอเพียงในความคิดแล้วทำอะไรพอเพียง สามารถที่จะอยู่ได้ แม้แต่กองทัพก็ต้องพอเพียง แต่กองทัพทำอะไรพอเพียงเยอะแยะ ทำโครงการต่าง ๆ ที่ช่วย แล้วก็ที่สมควรที่จะทำแล้วก็ทำได้ เรือ ต.91 นั้น เศรษฐกิจพอเพียง แต่เดี๋ยวนี้ ต.91 ก็พังแล้ว แต่ก็ได้รับราชการมานานพอสมควร อื่นก็ควรจะคิดถึงพอเพียง

มาคงต้องพูด เพราะว่า นายกฯ มาพูดเมื่อวานนี้ที่สนามหลวงแล้วถือธง ถือธงชนะ ๆ ไชโย นี่แหละทราบดีว่านายกฯ ไม่ค่อยชอบให้เตือนเพราะว่าเตือนนี่ ใครเตือนเรามันเคือง มันเคือง แต่จะเล่าให้ฟัง เตือนเนี่ย สมเด็จพระบรมราชชนนี แม่เนี่ย เราอายุ 40, 50 แล้ว ท่านชม เก่ง ทำให้แม่ชอบ แต่ท่านต้องต่อนะอย่าลืมตัว ท่านว่าอย่างนั้นทุกครั้งอย่าลืม ท่านพูดบอก อย่าลอย อย่าลอย คือ ท่านใช้คำว่าปอดลอย ลอย ลอย ไอ้ขานี่ต้องอยู่กับดิน อยู่บนดิน ท่านบอกว่า ชื่อลูก ชื่อภูมิพล ภูมิพลต้องเหยียบดิน ไอ้การลอยไม่เหยียบดินนั้นเสร็จ ใช้ไม่ได้ ภูมิพลเนี่ยเหยียบดิน นี่ไม่ใช่ดิน ข้างใต้พื้นดิน พื้นดินถึงเดินไปบนภูเขาก็เดินบนดิน เหาะเฮลิคอปเตอร์แล้วก็ลงมาถึงก็เดินกับดิน ท่านเตือนอยู่เสมอว่า ห้ามไม่ให้ลอย จนกระทั่งอายุเกือบ 60 ท่านหยุด ท่านไม่เตือนแล้ว ท่านก็บอกว่าไม่ชอบเท่าไร ท่านบอกว่า ถ้าทำอะไรดีให้รู้ว่าดี แต่ว่าอย่าไปเห่อมากเกินไป แต่อย่างนี้ ขอโทษนายกฯ นะ หาว่าตำหนินายกฯ ไม่ใช่ ต้องระวัง ไอ้การชัยชนะของการปราบยาเสพติดนี่ ดีที่ปราบ แล้วก็ที่เขาตำหนิบอกว่า คนตายตั้ง 2,500 คน อะไรน่ะเรื่องเล็ก 2,500 คน ถ้านายกฯ ไม่ได้ทำ นายกฯ ไม่ได้ทำ ทุกปีๆ จดไว้นะ มีมากกว่า 2,500 คน ที่ตาย ที่ตายทั้งคนที่เสพติด แล้วก็ขึ้นไปจะฆ่าคน จะทำอะไร เผาอะไรต่างๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ต้องไปปราบปกติก็ตายมากเหมือนกัน แต่ไม่พูดถึง ไม่ไปนับ เดี๋ยวนี้เขาไปนับ ไปชี้ๆๆ นับ พวกที่ค้า พวกที่ทำก็ตายเยอะเหมือนกัน เมื่อก่อนนี้ แต่ไม่พูดถึง เชื่อว่าพอๆ กับที่จดว่า มีผู้ที่ตายในการสงครามต่อสู้ยาเสพติด ที่ทราบว่าคนตายเพราะยาเสพติดนี่มากมาย เพราะว่าสังเกตดูตั้งปีที่แล้วบอกว่า 40 กว่าปี ต้อง 40 กว่าปีแน่ เพราะว่าตอนนั้นอยู่ที่พระที่นั่งอัมพรฯ ก่อนลูกองค์เนี้ย อย่างน้อยลูกคนเล็กยังไม่เกิด ลูกคนเล็กเกิดที่พระที่นั่งอัมพรฯแล้ว เราถึงย้ายมาที่พระที่นั่ง ที่ตำหนักสวนจิตรฯ นี่ มียาเสพติดก่อน เขามีวิธีที่จะทำ ปีที่แล้วเล่าให้ฟังแต่อาจจะไม่ละเอียดพอ ไม่เข้าใจ ปีที่แล้วอธิบายว่า ทำไมนึกถึงเป็นสงคราม ไอ้คำว่าสงครามมาจากปากคนว่า เป็นสงคราม เพราะว่าสงคราม 2 อย่าง สงครามการเมือง และสงครามเศรษฐกิจ สงครามการเมืองเขาใช้ยาเสพติดนี้มาสำหรับมาบ่อนทำลายประชากรไทย ประชากรของประเทศ เขาไม่ได้ เป็นผลพลอยได้ที่เขาได้ ได้เงิน แต่ที่ได้คือทำลาย ทำลายประชากร ให้เป็นคนติดยา เป็นคนที่เขาว่าขี้ยา คนที่ขี้ยาคิดอะไรไม่ออก บางคนนึกว่าใช้ยาทำให้แข็งแรง ทำให้มีความคิดดี แต่แท้จริงไม่ คนที่เสพยาตอนนั้นน่ะเป็นเฮโรอีนแล้ว เขาใส่ในน้ำหวาน ใส่ในกาแฟ แล้วก็หลอกทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ตอนนั้นไม่เชื่อ นึกว่ายาเสพติดเขาทำกันที่เมืองจีน เมืองจีนเขาทำ แล้วก็ไม่ใช่คนจีนทำ เป็นฝรั่งทำ ที่นี่มีฝรั่งรึเปล่า เดี๋ยวเขาโกรธเอา แต่ว่าเป็นความจริงว่าฝรั่งเป็นคนใช้ยาเสพติดทำลายเมืองจีน แต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่งมีสงคราม เขาก็มีสงครามเหมือนกัน แต่ตายมากกว่า 2,500 คน แล้วก็ที่บอก 2,500 คน ก็ไม่เชื่อ มีมากกว่าที่เขาตาย แต่เราไม่รู้ แล้วก็พวกที่ทางเจ้าหน้าที่ได้สังหาร ไม่ใช่ 2,500 ที่เขาสังหารกันเอง แล้วนี่เราจะรับผิดชอบได้ยังไง เขาด่าว่า นายกฯ ทำสงคราม ทำให้คนตาย 2,500 คน ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น 2,500 คน นี่มันทั้งหมดเขานับ แต่ว่าพวกที่ตายเป็นส่วนใหญ่เป็นพวกที่เขาฆ่ากันเอง ฆ่ากันเองพวกที่ค้า พวกที่ผลิต เขาฆ่ากันเอง จำนวนมาก ที่ทางราชการจะรับผิดชอบก็อาจจะมีจำนวนหนึ่ง ก็ลองถามทางท่านผู้บัญชาการตำรวจฯ ว่าแยกจำแนกเป็นเท่าไร ก็เชื่อว่าใน 2,500 นี่มีมากที่เขาฆ่ากันเอง และความผิดของเขา มาโยนความผิดให้ท่านซูเปอร์นายกฯ ไม่รู้นะ ก็นายกฯ มี สั่งให้รองนายกฯ แล้วรองนายกฯ ก็เป็นซีอีโอ นายกฯ ก็เป็นซีอีโอ ซูเปอร์นายกฯ ก็โยนให้ เพราะว่าบอกว่าเป็นผู้ชนะ ก็ผู้ชนะกลายเป็นฆ่าหมดเลย ต้องรับผิดชอบ แต่แท้จริงก็ลูกน้องก็ต้องรับผิดชอบ คือ ที่เข้าใจ ซีอีโอไม่รับผิดชอบอะไรเลย ต้องให้รองนายกฯ รับผิดชอบ แล้วต้องมี 7 คน รองนายกฯ 7 คน เป็นผู้รับผิดชอบ แล้วรองนายกฯ 7 คน เขารับผิดชอบเขาก็ผลักให้พวกปลัดกระทรวง อ่ะพวกรัฐมนตรีก่อน พวกรัฐมนตรีรับผิดชอบ รับผิดชอบแล้วรัฐมนตรีก็บอกไม่รับผิดชอบ ต้องรัฐมนตรีช่วยว่าการ รัฐมนตรีช่วยว่าการก็ไม่รับผิดชอบ ต้องเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีก็บอกว่าปลัดต้องรับผิดชอบ ปลัดบอก นายกฯ บอกแล้วไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ไม่ให้ทำอะไร รองปลัด รองปลัดก็รับผิดชอบหมด รองปลัดบอก อธิบดี อย่างนี้เป็นการบอกว่า ไม่รับผิดชอบ ไม่มีใครรับผิดชอบเลย ลงท้ายใครรับผิดชอบ ประชาชนซีอีโอ ประชาชนซีอีโอทุกคนรับผิดชอบหมด แล้วทีนี้จะทำยังไง

คือการปกครองสมัยนี้แปลกดี กลับไปเหมือนอย่างเก่า ประชาชนรับผิดชอบ ตอนนี้คนที่เดือดร้อนคือข้าพเจ้าเอง เดือดร้อนท่านรองนายกฯ มาบอกว่า ทรงเป็นซูเปอร์ซีอีโอ หรือใช้คำอะไรจำไม่ได้แล้ว แต่ว่าเข้าใจว่าเป็นซูเปอร์ซีอีโอ แล้วก็ลงท้ายเราก็รับผิดชอบทั้งหมด ประชาชนทั้งประเทศโยนให้พระเจ้าอยู่หัวรับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญนะ รัฐธรรมนูญบอกเอาไว้ว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย นี่ท่านแถวนี้ก็เป็นนักกฎหมาย นักกฎหมายก็บอกว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่รับผิดชอบอะไรเลย ตกลงเราไม่รับผิดชอบประเทศชาติ เมืองไทยไม่มีใครรับผิดชอบเลย ใครจะรับผิดชอบ ก็ไอ้นี่ลำบากอย่างนี้ แต่เชื่อว่าท่านพูดเล่น ท่านรับผิดชอบ ในที่สุดท่านก็ต้องรับผิดชอบอีก 2,500 คน แล้วก็ 2,500 คน ตอนนี้ท่านก็ต้องไปถามท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่าจำแนกออกเป็นยังไง ไอ้ 2,500 คน แล้วจำแนกไปจำแนกมา ประกาศให้ประชาชนทราบ ประกาศให้ชาวต่างประเทศทราบว่า 2,500 คน ไม่กี่คนที่ท่านรับผิดชอบ ที่ตำรวจ ทหารแถวนี้ รับผิดชอบ หรือว่าได้ยิง ได้ฆ่าเอง ไม่เท่าไร ไม่ถึงร้อย เราก็ ที่เตือนอย่างนี้ก็จะให้หายเครียด คนที่เครียดที่สุดในที่นี้ก็คือ รองนายกฯ เราไม่บอกว่ารองนายกฯ ไหน เหมือนข่าว รองนายกฯ ได้พูดว่าอย่างนั้นอย่างนี้ เราไม่รู้หรอกว่ารองนายกฯ อะไร มาไว้ตอนปลายข่าวนั่นแหละว่ารองนายกฯ ชวลิต

เมืองไทยเดี๋ยวนี้พูดอะไรเป็นปริศนาเรื่อย เดี๋ยวก็ที่ลำบาก แต่รองนายกฯ ชวลิต เดี๋ยวนี้หายเครียดแล้ว ไม่งั้นตอนต้น ทำหน้าอย่างนี้ ดูในทีวีทำหน้าอย่างนี้ตลอด ก็เลยทำให้เราเดือดร้อน ดูแล้ว รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขาพูดอย่างนั้นก็เมื่อวานตอนเช้าก็บอก รัฐบาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรารับผิดชอบหมด เราน่าจะมีหน้าบึ้งเหมือนท่านรองนายกฯ แต่ไม่เป็นไรเรา เรารู้ว่าอะไรเป็นอะไร ฉะนั้นก็ท่านยิ้มก็ดีแล้ว ยิ้มแล้วก็จะได้ปรึกษาหารือกันทุกฝ่าย ตรงนี้มีท่านองคมนตรี ท่านรัฐมนตรีต่าง ๆ ท่านก็ขัดคอรัฐบาล ท่านขัดคอรัฐบาลผ่านพระเจ้าอยู่หัว ท่านไม่รับผิดชอบอะไร ดูรัฐธรรมนูญ ผู้ที่รับผิดชอบคนเดียวก็คือท่านรัฐบุรุษ ท่านรัฐบุรุษรับผิดชอบ เพราะว่าเวลามีองคมนตรีใหม่มา ท่านเป็นผู้รับสนอง ไม่ใช่นายกฯ คนส่วนมากเข้าใจว่าตั้งองคมนตรี ต้องเป็นนายกฯ รับสนอง ท่านประธานองคมนตรีรับสนอง ซึ่งก็เพราะว่าเกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญเขาว่าอย่างนั้น ปกติรับผิดชอบรัฐธรรมนูญแถวนั้น

ก็เป็นเรื่องแปลก คือว่า เมืองไทยนี่ประหลาด วิธีปกครอง แต่อย่างไรก็ตามนายกฯ รับผิดชอบทุกอย่าง ถ้ารับผิดชอบทุกอย่างก็ต้องยอมรับการตำหนิ หรือถ้าจะรับผิดชอบทุกอย่าง ผมอย่างนี้คนเดียว อย่าไปว่า ผมสั่งคนเดียว ก็ ถ้าเป็นอย่างนั้นคนก็ชี้คนเดียว ถ้ารับผิดชอบคนเดียว ก็คนก็ชี้คนเดียว ฉะนั้นก็เป็นของที่ธรรมดา แต่ถ้าทำดี เรียบร้อย ทุกคนได้รับประโยชน์ทั้งหมด ทั้งหมดทุกคนได้รับประโยชน์ และตัวเองก็ได้รับประโยชน์ เพราะว่าทำอะไรรับผิดชอบ สิ่งที่ทำดี ก็โก้ รับผิดชอบในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง อันนี้ที่สำคัญ ฉะนั้นไม่ต้องโกรธ ต้องภูมิใจ แต่ว่าต้องพยายามที่จะพิจารณาว่าอะไรมันจริง อะไรมันไม่จริง ในที่นี้ ไอ้2,500 คน จริงหรือไม่จริง

อ่านหนังสือพิมพ์ เขาบอกว่า รัฐบาลทำไม่ดี ทำรุนแรงเกินไป ไปพิจารณาอ่าน ให้อ่านหนังสือพิมพ์ อ่านเหล่านั้น แล้วให้เขาเขียน เขาเขียนหนังสือพิมพ์ เขาติตำหนิเราก็ฟังเขา ว่าเขาตำหนิอะไร ถ้าเขาตำหนิถูกต้องก็ขอบใจเขา ถ้าตำหนิไม่ถูกก็บอกว่าไอ้นี่มันไม่ถูกเบาๆหน่อย แต่ว่า ที่เดือดร้อนคือ พระมหากษัตริย์ เพราะว่า ใครตำหนิไม่ได้ เราไม่ได้บอก ท่านที่เขียนรัฐธรรมนูญบอกว่า พระมหากษัตริย์ใครตำหนิไม่ได้ ใครละเมิดไม่ได้ ทำไมเขียนอย่างนั้นไม่ทราบ ถ้าละเมิดไม่ได้ เราก็ไม่รู้ว่า เราทำถูก ไม่ถูก แต่ท่านไม่อยู่แล้ว คุณแม่ ต้องเชื่อ เราเชื่อคนเดียว เชื่อแม่ แต่ท่านอยู่บนสวรรค์ เดี๋ยวนี้ท่านก็อยู่นี่ ท่านก็ตักเตือนอยู่ว่าให้คิดดี ทำดี ถูกต้อง

ก็ให้โอวาทกับตัวเอง เพราะไม่มีใครให้โอวาทแล้ว ก็สบายใจ ก็เข้าใจว่า ท่านทั้งหลายอาจจะได้ยินสมเด็จพระบรมราชชนนีท่านให้โอวาทลูก เราก็ให้โอวาทข้าราชการที่อยู่ในที่นี่ ประชาชนทั่วไป ว่าทำอะไร ถ้าทำดีก็ปลาบปลื้มกัน ถ้าทำไม่ดีก็พิจารณาตัวเองว่า ไม่ดี เว้นไว้ ที่ควรจะเป็น พวกนี้ก็ประชาชนเหมือนกัน พวกนี้บางคนเขานึกว่า ไม่เป็นประชาชน จริงๆ ก็เป็นประชาชนเหมือนกัน ถูกให้โอวาทเหมือนกัน คนเขาว่า ไม่ได้ให้โอวาท คนเขาว่า ให้โอวาทจนเสียงแหบ แล้วถ้า ไม่ได้ฟังก็เป็นเรื่องของเขา เหมือนกัน ถ้าให้โอวาทท่านทั้งหลาย ไม่ฟัง จนเราเสียงแหบ ก็ไม่เป็นไร ท่านเดือดร้อนเอง ท่านเดือดร้อนจริงๆ ถ้าสมมติให้โอวาทแล้วท่านไม่ฟัง ท่านต้องเดือดร้อน แต่ว่า ถ้าฟังไปคิด ก็เชื่อว่า ไม่ใช่ว่าอวด ว่า พูดดี ว่า พูดถูกต้องทุกอย่าง แต่ว่าพยายามจะพูดให้คนคิดดีๆ ก็ไม่เสียหายอะไร เพราะว่า ทำให้งานที่ท่านทำ ท่านเป็นผู้ใหญ่ ผู้โต ก็ทำให้เกิดประโยชน์กว้างขวางออกไปได้ ถ้าคนนี้ไม่ได้ถือตัวว่าเป็นผู้ใหญ่ ผู้โต ทำอะไรก็ไม่ได้เกิดประโยชน์มากนัก แต่ผู้ใหญ่ ผู้โตทำให้เกิดผลแก่คนอื่นมากมาย อย่างที่ตัวเองรู้สึกว่า พูดเนี่ย พูดออก ไม่ใช่ออกทีวี แต่ออกวิทยุสด สดนะที่พูดเนี่ย ไปทั่วถึงนราธิวาส เชียงราย สกลนคร ทั่วทุกทิศ คนที่ฟังเขาฟังได้ ก็เข้าหูเขา เขาก็ต้องคิด คนที่ฟัง เขาคิด แล้วคิดว่า พระเจ้าอยู่หัวพูดดี ก็เอาไปใช้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ที่จริงที่พูดนี่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา และคนเอาไปหากิน ก็ยอมให้ไปหากิน คำพูด ถ้าเรา ถือว่าเราพูดดี ก็ไปหากิน ถ้าหากินคนก็จะมีความสุข

รู้สึกว่า พูดพอแล้ว มันชักเหนื่อย แต่ว่าท่านก็เหนื่อยเหมือนกัน นั่งอยู่นี่แล้วฟัง บางคนก็จะหนาวๆ ร้อนๆ ก็ที่เย็นที่หนาว เพราะเครื่องเย็น ใช้ไฟฟ้า ที่ร้อนเพราะว่าไฟที่นี่มันร้อน คนที่อยู่ข้างนอก หนาวๆ เย็นๆ เพราะว่า ตอนนี้ ค่ำแล้วน้ำค้างลง ร้อนก็เพราะว่า อากาศมันร้อน อย่าไปคิดอะไร ว่า ที่บอกว่าท่านหนาวๆ ร้อนๆ แต่ว่ายังไงขอให้ทุกท่านที่มา ทั่วไปทุกแห่ง ทั้งข้างนอกข้างใน ให้มีความร่มเย็น ความเจริญ ทุกคน งานการอะไรที่ทำ ให้มีผลสำเร็จที่ดี ก็ขอขอบใจทั้งหลายที่มา