ไกลเพียงใด ก็จะไปให้ถึง

กาลครั้งหนึ่ง พระโพธิสัตว์ถือกำเนิดเป็นบุตรพ่อค้า ที่ต้องเดินทางไปค้าขายยังเมืองต่าง ๆ อยู่เสมอ เมื่อพระโพธิสัตว์เติบโตเป็นหนุ่ม และได้รับการศึกษาอบรมพอสมควรแล้ว บิดามารดาก็ให้สั่งให้เขานำสินค้าไปค้าขายยังประเทศไกลบ้านห่างเมืองของตน คือต้องเดินข้ามทะเลทรายอันทุรกันดาร และมีภัยอันตรายมาก

พระโพธิสัตว์ ได้เตรียมการบรรทุกสินค้าต่างๆ หลายเล่มเกวียน และเตรียมเสบียงกรังต่างๆ รวมทั้งน้ำดื่ม น้ำมันพร้อมกันนั้น ก็ได้แนะนำ นัดแนะบริวารให้ปฏิบัติตามกติกาอย่างเข้างวด โดยเดินทางไปในทะเลทรายในเวลาหลบค่ำ พักผ่อนนอนเอาแรงในเวลากลางวัน ทั้ง ๆ ที่มีความรู้ในด้านภูมิศาสตร์พอสมควร แต่ขบวนเกวียนบรรทุกสินค้า ก็ผิดพลาดจนได้ กล่าวคือ ขณะเดินทางไปในยามค่ำคืน ข้ามทะเลทรายใกล้จะถึงตลาดค้าขายอยู่แล้ว คนขับเกวียนที่บังคับโคให้เดินไปตามทางนั้น เกิดเพลียหลับลงอย่ากระทันหัน เป็นเหตุให้โคเข้าใจผิด เดินนำเกวียนกลับสู่ทางเดิน กลับไปถึงทะเลทรายอันเวิ้งว้าง ไร้ร่มเงาต้นไม้ ซึ่งร้อนระอุ พ่อค้าชาวเกวียนทั้งหลายบริโภคอาหาร ดื่มน้ำใช้เสบียงต่างๆ หมดสิ้นไป ทำให้ทุกคนหิวกระหายมาก โดยเฉพาะหาน้ำดื่มไม่ได้ พระโพธิสัตว์สังเกตเห็นต้นหญ้าสีเขียว ๆ ขึ้นอยู่กระจุกหนึ่ง ก็รู้ว่าจะมีน้ำอยู่ข้างใต้บ้างอย่างแน่นอน จึงสั่งให้บริวารทั้งหลายช่วยกันขุด บริวารได้ปฏิบัติตามอยู่นาน และขุดได้ลึกมาก แต่ไม่พบน้ำเลย พบแต่หินก้อนใหญ่ขวางอยู่ ทำให้คนขุดหมดแรงขุดต่อไป เพราะขุดไม่ออกทำลายหินไม่ได้ จอบที่ขุดกระทบหินสู้ไม่ได้ บริวารของพระโพธิสัตว์ หมดกำลังใจที่จะขุดต่อไป

แต่พระโพธิสัตว์ไม่ท้อแท้ ยังมีความมั่นใจว่า จะมีน้ำใต้หินแน่นอน จึงขุดต่อไป เอาหูแนบลงกับแผ่นหิน ได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ภายใต้หิน เขาจึงขึ้นมาจากหลุม ตะโกนบอกเพื่อนฝูงว่า “ มีน้ำแน่ ๆ อย่าท้อแท้เป็นอันเด็ดขาด ขอให้พยายามขุดต่อไป ทำลายแผ่นหินที่กั้นน้ำอยู่ แล้วเราจะเห็นน้ำ เพราะขณะนี้ได้ยินเสียงน้ำไหลแล้ว ”

ตอนนี้ พระโพธิสัตว์ ให้บริวารช่วยเอาค้อนทุบก้อนหินให้แตกให้จงได้ พยายามทุบต่อไปไม่นาน น้ำก็ซึมขึ้นมาตามรอยหินแตก และพุ่งขึ้นเป็นสาย ทำให้พวกบริวารพระโพธิสัตว์ มีกำลังใจมาก ยิ่งทุบมากก็ยิ่งมีน้ำพุ่งขึ้นมาก พอทุบหินแตกแยกออก ธารน้ำก็พุ่งไหลทะลักนองเต็มหลุม ทุกคนร้องชโยโห่ด้วยความปลื้มใจ และดื่มกินอาบกันอย่างสบาย เมื่อพระอาทิตย์ตก สิ้นแสงสว่าง ถึงเวลาจะเดินทางข้ามทะเลทรายต่อไป พระโพธิสัตว์ได้ให้บริวารปักธงไว้ ณ หลุมน้ำนั้น เพื่อผู้อื่นได้ดื่มกินต่อชีวิตบ้าง

ขบวนเกวียนพ่อค้าเดินทางข้ามทะเลทราย ไปถึงตลาดค้าขายได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ก็เพราะผลแห่งความเพียรพยายามไม่ท้อถอย ของพระโพธิสัตว์ และบริวารนั้นเอง

เพราะฉะนั้น เราทุกคน จึงควรมีสมบัติแห่งความเพียร ๓ ประการ คือ อุตสาหะ ลุกขึ้นมาสู้อย่ามัวนอน หรือ ท้อแท้ ๑ มีวายามะ พยายามไปเถิดอย่าหยุดเลย ๑ และมีปรักกมะ บากบั่นแม้ลำบาก อย่ายอมแพ้แก่อุปสรรคใด ๆ

มีความเพียรอย่างเดียว ยอดเขาสูง ก็อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเรา แม้แต่ดาวห่างไกล ก็ไปถึงได้ กวีจึงเขียนไว้ว่า

เพราะเรี่ยวแรงแข็งขันขยันสู้

เปิดประตูทรัพย์สมชมทรัพย์สาร

เพราะกระตือรือร้นสร้างผลงาน

จึงถึงฐานแห่งโฉลกโชคลาภดี

เพราะไม่คร้านงานเดินเจริญเร่ง

จึงได้เก่งด่วนเด่นเป็นเศรษฐี

ไม่มีทางลัดล้ำนำชีวี

นอกจากมีเพียรจริงจึงยิ่งยง

ทางสู่ดวงดาวใดไปถึงแน่

ขอเพียงแต่ขยันรุดสุดประสงค์

เพียรชอบสี่นำประสบพบทางตรง

ให้ถึงธงปลงทุกข์ สุขนิรันดร์

********************************