โดย : พระพิจิตรธรรมพาที
คนที่ไม่มีดี นับว่าเป็นคนที่อาภัพที่สุด ชีวิตต้องกระวนกระวายอยู่ตลอดชาติ วิธีแก้ก็คือ ท่านให้หาดีในตัวเองให้พบ เมื่อพบดีในตัวแล้วจะหายกระวนกระวาย ไฟจะดับทันที
กบตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในสระใกล้กุฏิพระ เช้าตรู่กบได้เห็นพระตื่นจากจำวัด (นอนหลับ) จัดแจงครองผ้าสวดมนต์ภาวนา พอสว่างก็ออกบิณฑบาตได้อาหารมาฉัน เป็นอย่างนี้ทุกๆ วัน เจ้ากบก็เกิดความยินดีในพระ เห็นดีในพระ มาเทียบกับตนแล้ว เห็นว่าตนเองแย่มาก ๆ
วันหนึ่งจะหาอาหารใส่ปากใส่ท้องระงับดับหิวก็ไม่ค่อยจะพอ มิหนำซ้ำยังต้องเป็นอยู่ด้วยความหวาดหวั่นพรั่นหรือกลัวภัยอันตรายตลอดเวลา ภัยอันตรายมีอยู่รอบทิศ ต้องจ้องกระโดหลบภัยอยู่เรื่อทำอย่างไรหนอ ? จึงจะได้เป็นพระเจ้า กบร้อนใจหนักหนา ปรารถนาจะเป็นพระ เห็นความเป็นกบนี้แสนจะเลวร้าย
ต่อมาพระท่านฉันภัตตาหาร (กินข้าว) อิ่มแล้ว ก็เอาข้าวสุกมาโปรยให้ไก่ เจ้ากบเห็นไก่มีลาภ ได้จิกกินอาหารอย่างสำราญ ก็เปลี่ยนความคิดใหม่ว่า อา ! เป็นพระนี่เห็นจะสู้ไก่ไม่ได้ เพราะกว่าจะได้อาหารมาฉันก็ต้องเดินไกล ต้องออกบิณฑบาตเหนื่อยเหมือนกัน เทียบกันแล้วสู้ไก่ไม่ได้ ไก่อยู่กับที่ ถึงเวลาพระก็เอาข้าวสุกมาโปรยให้กินเอง พระท่านทำหน้าที่ราวกะทาสผู้ซื่อสัตย์ของไก่ทำอย่างไรหนอจะได้เป็นไก่
ขณะนั้น หมาวัดตัวหนึ่งมาแย่งอาหารกิน ไก่กลัวหมาต้องละอาหารหนีเอาตัวรอด เจ้าหมาผู้มีอำนาจก็ยึดทรัพย์ของไก่เสียเจ้ากบเห็นดังนั้นก็หันไปชื่นชมหมา เห็นไก่ไม่เข้าท่าเลย จึงคิดอยากจะเป็นหมา เห็นหมาดีสารพัด ซื่นชมราวกะหมาเป็นวีรชน
มีชายคนหนึ่ง เดินเข้ามาในวัด เจ้าหมาก็โดดใส่จะขบกัด ชายคนนั้นถือไม้ติดมือมาก็เลยหวดเจ้าหมาเข้า หมาเจ็บก็เลยวิ่ง่ร้องลั่นหางจุกตูดไป เจ้ากบก็เปลี่ยนใจทันที หมาไม่เห็นจะดี ถูกปราบเสียแล้ว สู้คนไม่ได้ ทำอย่างไรหนอจึงจะได้เป็นคนหนอ ?
ขณะนั้นชายผู้นั้นมานั่งอยู่ที่ขอบสระ เห็นจะเป็นฤดูร้อนเพราะมีแมลงวันมาตอมกวนชายผู้นั้น ชายผู้นั้นรำคาญลุกหนี แต่บ่นให้กบได้ยินว่า "รำคาญแมลงวันจริงโว๊ย" กบได้ยินดังนั้น ก็นึกอพีโถ่ ! เป็นคนนึกว่าจะวิเศษซักแค่ไหน สู้แมลงวันก็ไม่ได้ อยากจะเป็นแมลงวันอีก
ขณะนึกเคลิบเคลิ้ม เห็นแมลงวันเป็นเทวดาอยู่นั้น บังเอิญมีแมลงวันเจ้ากรรมตัวหนึ่งบินมาจับแหมะลงตรงปลายจมูกกบพอดีด้วยความเคยชิน เจ้ากบแลบลิ้นเลียแผล็บกินแมลงวันเป็นอาหารพอรู้รสแมลงวันเท่านั้น ความไม่ยินดีอันเป็นดุจไฟเผากบชั่วกาลนานก็พลันดับลงทันที เลยร้องออกมาว่า "เป็นอะไรก็ไม่ดีเหมือนเป็นกูนี่"
กบเจอดีในตัวเองแล้วก็เลยสงบ เลิกปรารภดิ้นรนจะเป็นโน่นเป็นนี่อีกต่อไป
เคล็ดในนิยายเรื่องนี้ก็คือ วิธีดับไฟ ไฟคือความอยาก ความอยากที่นอกเหนือวิสัยของตน แบบง่าย ๆ ก็คือพยายามฝึกจิตให้ชื่นชมยินดีกับสมบัติของตัว ภาวะของตัว หัดมองทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวในแง่ดี
แม่บ้านหุงข้าวแฉะ ก็คิดว่าดีข้าวนิ่มดี มันหุงกับน้ำ หากเกิดไหม่ขึ้นมาก็นึกว่ามันหุงกับไฟ ถ้าดิบล่ะ ? ก็ดีอีกกินข้าวอิ่มแน่นอิ่มทนดี
แฟนอ้วน ? อ้วนก็ดี พลานามัยสมบูรณ์ ไม่เจ็บไม่ไข้อายุยืน หัวล้านล่ะ ? ก็ดีเป็นลักษณะของคนเจ้าทรัพย์ ขาเป๋? ก็ดีดูไม่จืด เวลาเดินยังกะหงส์เหิน พอเจอดีเสียแล้วก็หมดเรื่อง สงบสุข ไม่ฟุ้ง ใจสบายอย่างเดียว ทุกสิ่งจะดีหมด จิตใจที่สดชื่นแม้จะอยู่ในร่าง "ลูกหมา" มันก็ร่าเริง หากมันอยู่ในร่างคน ก็มีค่าทวีคูณ
อย่าลืม ! อย่าลืม !
ในที่ไม่สบาย แม้จะอยู่เรือนร่างเทพบุตรเทพธิดา ก็ต้องพล่านไปพล่านมา จนวิมานไม่พอจะดิ้น !
|