ระยะห่าง

 
 
 

 

วันเวลาที่ผ่านมาชั่วระยะเวลาหนึ่งของชีวิต
ผู้คนมากมายผ่านเข้ามา
บางคนผ่านมาเพียงเพื่อจะผ่านไป
แต่บางคนกลับไม่เป็นเช่นนั้น
จากคนแปลกหน้ากลายเป็นคนรู้จักคนคุ้นเคย
ล่วงเลยไปถึงกลายเป็นคนรักกัน

เวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน
สถานภาพทางความรู้สึกของเรา
ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
บางคนยังคงความเป็นคนแปลกหน้า
ยังรักษาระยะห่างของการเป็นคนรู้จัก คนคุ้นเคย
หรือ คนรักกันไว้ได้อย่างคงที่
บางคนเปลี่ยนแปลงจากคนแปลกหน้ากลายเป็นคนคุ้นเคย
จากคนเคยคุ้นกลายมาเป็นคนรักกัน
ทำลายระยะห่างของความรู้สึกให้สั้นลงอย่างรู้สึกได้
และเมื่อนั้น เรื่องราวดี ๆ สวยงามทางความรู้สึกจึงเกิดขึ้น

แต่ในทางกลับกัน
ระยะห่างของบางคน อาจห่างไกลออกไปจนสุดหูสุดตา
จากคนเคยรัก คนเคยคุ้น กลายเป็นแค่คนเคยรู้จัก
กลายเป็นคนแปลกหน้าทางความรู้สึกไป

แน่นอนว่า ระยะห่างของ คนรู้จัก กับ คนรัก
ย่อมไม่เท่ากันเป็นแน่
แต่นั่นแหละ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ
ฉันเชื่อในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของเวลา
พอๆ กับเชื่อในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของความรู้สึก

ไม่มีมาตราวัดใดที่จะใช้วัดระยะห่างของความรู้สึกได้
และระยะห่างของสถานภาพทางความรู้สึกก็คงจะไม่เท่ากัน
เราระบุชัดไม่ได้ว่า 1 เท่ากับ 1 ในความรู้สึกของอีกคน
1 ในความรู้สึกของคนหนึ่ง
อาจจะเป็น 100 ในความรู้สึกของอีกคนก็เป็นได้
และในเมื่อการคบหากันเป็นปฏิสัมพันธ์ของคนสองคน
เราจึงมองเห็นความไม่ลงตัว
เห็นระยะห่างที่ไม่เท่ากันของคนสองคนได้เสมอ

กับคนบางคน เราอยากเป็นมากกว่าคนรู้จัก
เราก็จะพยายามที่จะทำให้ระยะห่างของเรามันสั้นลง
กับคนบางคน เราอยากเป็นน้อยกว่าที่เป็นอยู่
เราก็จะพยายามที่จะทำให้ระยะห่างของเรายาวไกลออกไป
แต่กลับบางคนเรากลับอยากจะรักษา ระยะห่าง ตรงกลาง ไว้ให้คงที่
ไม่ให้ห่างหาย จางหนี หรือ เข้ามาใกล้จนเรารู้สึกอึดอัด

เคยรู้สึกใช่ไหมว่า
ขณะที่เราเดินเข้าหา บางคนกลับกำลังเดินหนี
กับบางคนเรากำลังเดินหนี บางคนกลับเดินตาม
กับบางคนเราก็ต้องการระยะห่างประมาณหนึ่ง ไม่ต้องใกล้มาก
แต่ไม่ต้องการห่างหายไปไหน

ขณะที่บางคนวิ่งตาม ล้มลุกคลุกคลาน
และเจ็บปวดกับระยะห่างของอีกคนที่ทิ้งไว้ตรงหน้า
ขณะเดียวกันกับที่อีกคนก็วิ่งหนี
โดยไม่คิดจะหันกลับมามองความเจ็บปวดของอีกคน
อะไรก็เกิดขึ้นได้กับความรู้สึกคน
เหนื่อยแสนเหนื่อย ล้าแสนล้า แต่สุดท้ายก็ยังพยายาม
พยายามที่จะยื้อยุดฉุดดึงอยู่เช่นนั้น
บางคนปล่อยความรู้สึกของอีกคนไว้บนความห่าง ห่างจนลับตา
ไม่เคยหันกลับมามองหรือรับรู้ความเป็นไปของอีกคน
ไม่เคยรับรู้ว่า ระยะห่างที่เขาทิ้งไว้อีกคน
มันสร้างความเจ็บปวดได้ประมาณไหน
แต่ก็มีบางคนที่เหนื่อยล้ากับระยะห่างที่พยายามรักษาไว้เพียงแค่นั้น
ไม่ต้องห่างไป แต่เข้าใกล้กว่านี้ไม่ได้
ต้องการเพียงเส้นขนานที่ไม่มีทางมาบรรจบ

การทำลายระยะห่างของคนสองคนอาจไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ก็ไม่ได้ง่ายดายนักสำหรับอีกหลาย ๆ คน
บางคนพยายามมาเกือบทั้งชีวิต
ระยะห่างที่ว่าก็ยังคงห่างอยู่เช่นเดิม
ขณะที่บางคนอยู่นิ่ง ๆไม่วิ่งหนี ไม่วิ่งตาม
ปล่อยทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของเวลา
ไม่เรียกร้องให้เกิดความคาดหวัง
ไม่ปล่อยละเลยจนเหมือนชาเฉย
ระยะห่างนั้นกลับขยับเข้ามาใกล้ราวปฏิหาริย์

เอาใจช่วยสำหรับคนที่กำลังพยายามเดินเข้าหา
ให้อีกคนหันกลับมามองบ้าง
ระยะห่างจะได้สั้นลงพยายามต่อไป
เพราะวันหนึ่งคุณอาจรู้สึกว่า
ความพยายามของคุณมิได้ไร้ค่า
ร้องขอสำหรับคนที่กำลังเดินหนี
ให้หันกลับมามองความรู้สึกของอีกคนบ้าง
เพราะบางทีคุณอาจจะสูญเสียอะไรดี ๆไป
เพียงเพราะระยะห่างที่คุณทิ้งไว้ให้อีกคน
เห็นใจกับการรักษาระยะห่างให้คงที่สำหรับบางคน
เพราะบางทีมันก็ทรมานมากกว่าการพยายามเดินเข้าใกล้
หรือห่างหนี...เสียอีก

แล้วคุณเล่า...เคยนึกย้อนกลับมามอง ระยะห่าง
ของคุณกับผู้คนรอบตัวกันบ้างไหม
เคยรู้สึกไหมว่า บางที ความห่างไกล กับ ระยะห่างของความรู้สึก
กลับเป็นตัวแปรผกผันกัน
เคยรู้สึกได้ถึงระยะห่าง ทั้งที่ตัวอยู่ใกล้ ๆ
หรือรู้สึกใกล้กันแล้วทางความรู้สึก
ทั้งที่ตัวอยู่แสนไกล กันบ้างไหม ?

เคยคิดกันบ้างไหมว่า
ระหว่างคนพยายามเดินหนี
คนที่พยายามเดินตาม
และคนที่พยายามยังไงระยะห่างกลับเท่าเดิม
คนไหนเจ็บปวดไปกว่ากัน?

อาจเป็นเพราะ .. โลกกว้างเกินไป
หรือไม่.. หัวใจเราแคบเกิน