อยากให้แฟนเป็นเพื่อน

 
 
 


อยากให้แฟนเป็นเพื่อน

"เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเลิก" เป็นอาการของคู่รักหัวใจปุ๊บปั๊บ ซึ่งปัจจุบันนี้ขาดความหนักแน่น ทางจิตใจจนเข้าข่าย เอาแน่เอานอนไม่ได้ ไม่รู้รักกันประสาอะไร อยากรักก็รัก อยากเลิกก็เลิก ทำอย่างกับว่า ความรักไม่มีค่า อย่างงั้นแหละ

From Lovers to Friends หรือจากคู่รักมาเป็นเพื่อน มีสาวอนงค์หนึ่งนามว่า ลีห์ ในเมืองแคนซัส สหรัฐอเมริกา เขียนอีเมล์ถามความในใจ กับผู้เจนจัดสนามรักมีเนื้อหาดังนี้
" ฉันเพิ่งเลิกกับแฟนหนุ่มซึ่งอี๋อ๋อกันนาน 3 ปี เมื่อไม่กี่วันมานี้ การเลิกกันเป็นสิ่งที่ฉันต้องการ แม้เขาจะไม่เต็มใจเท่าไหร่ บอกตามตรงในส่วนลึกของหัวใจ แม้ฉันไม่อยากเดทกับเขาแล้ว แต่ฉันยังอยากเป็นเพื่อนกับเขาอยู่ และอยากให้เราเป็นเพื่อนสนิทกันเสียด้วย คุณคิดว่ามันเป็นไปได้ไหม? "

ตอบน้องนางผู้มีปัญหาคาใจ,

ขอให้ผม (ผู้ตอบเป็นหนุ่มวัยกลางคน ผมสีดอกเลาแต่ยังดูดี๊ดีนะจ๊ะ) ทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างน้อง กับอดีตคนรักเสียก่อน น้องลีห์คบกับแฟนมา 3 ปีก่อนจะเลิก แล้วหลังจากนั้นก็อยากให้แฟนเปลี่ยนมา เป็นเพื่อนแทน....ถ้าเป็นใจผมนะ ตอบเลยว่า ได้สิ ทำไมเราจะเป็นเพื่อนกันหลังเลิกเป็นแฟนไม่ได้ และผมก็เชื่อว่าแฟนเก่าของน้องก็ไม่น่าจะมีปัญหาเช่นกัน น้องก็แค่โทรศัพท์ไปหาเขา แล้วจะชวนกันไปดูหนังหรือทานอาหารค่ำ หรือไปถ่ายสติกเตอร์อะโนเนะ ด้วยกันก็ยังได้ ผมเชื่อเหลือเกินว่า เขาโอเคยอม เป็นเพื่อนกับคุณชัวร์ กระนั้นอยากให้คุณตระหนักสักนิดก่อนจะหักหาญน้ำใจของอดีตคนรัก ให้หนักข้อมากไปกว่านี้ว่า
คุณเป็นฝ่ายบอกเลิกกับเขาก่อน ดังนั้น แทนที่จะต่างฝ่ายต่างแยกทางกันเดิน คุณยัง "หวงก้าง" อยากให้เขาเป็นเพื่อนต่อไป ไม่รู้สึกว่าเป็นการเอาแต่ใจตัวเองไปหน่อยหรือ ?

เคยถามเขาบ้างหรือเปล่าว่า เขาอยากเป็นเพื่อนกับคุณหลังเลิกเป็นแฟนบ้างไหม ?

ถ้าอยากให้เขาเป็นแค่เพื่อน แล้วคำว่า "เพื่อน" ในที่นี้ต้องทำอะไรให้บ้างล่ะ เช่น ทำทุกสิ่งที่คุณต้องการงั้นหรือ ? ถ้าเช่นนั้น ความสัมพันธ์ของคุณกับเขาจะแตกต่างอะไรกับคำว่า นายกับบ่าวล่ะ

คุณรู้หรือเปล่าว่า หลังถูกสลัดรัก บางคนอาจต้องการเวลาเป็นตัวของตัวเองบ้าง หรืออย่างน้อยก็ควรให้เขา มีโอกาสที่จะได้ รู้จักมักจี่กับคนอื่น ไม่ใช่เหนี่ยวหรือหนีบเขาไว้ แต่ตัวเองกลับอยากทำอะไรก็ทำ ฟังดูเท่าเทียมกันจังเลย (ประชดจ้ะประชด)
สำหรับคนเคยรักกันแล้วต้องการเปลี่ยน สถานภาพมาเป็นเพื่อน มีข้อเตือนใจให้ฉุกคิดอีกนิด เช่น...
แน่ใจนะ ว่าคุณเลิกกันโดยไม่ได้ทะเลาะหรือขัดแย้งอย่างรุนแรง หรือพูดง่ายๆ ว่า สาเหตุของการ บ๊าย บายจากกันนั้น ไม่ได้สร้างความขุ่นข้องหมองใจชนิดเป็นแผลบาดลึก จนถึงกับมองหน้ากันไม่ติด เพราะถ้าไม่ได้โกรธกัน อย่างหนักหน่วงแล้วไซร้ มากกว่าครึ่งของจำนวนคู่รักที่เลิกรากัน มักกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันในภายหลังได้ อย่างไร้ข้อกังขา

แถมบางคู่ มีด้วยนะที่พอเลิกกันไปได้สักพัก แม้มีนาทีทองได้ไปหลีคนใหม่ ก็ยังไม่ลืมคนเก่า ตรงนี้ขึ้นอยู่กับความผูกพันที่ว่า ยังพอจะมีความทรงจำดีๆ ต่อกันเหลืออยู่หรือเปล่า

แต่คิดอีกตลบหนึ่ง คุณว่า มีจริงหรือที่คู่รักประกาศเลิกรากัน โดยไม่มีอะไรขัดใจกันเลย หรือพูดง่ายๆ ก็คือ คู่ที่เลิกกัน มันต้องมีสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้นสิ ไม่งั้นจะเลิกกันทำไม ? เพราะขนาดคู่ที่แต่งงานกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แม้ยังไม่ยอมหย่าขาด แต่คนภายนอกก็มองออก ว่าคู่นั้นไม่เหลือใจให้ กันและกันแล้ว เออเนอะ ทำไมถึงเป็นฉะนี้ไปได้
มีเพื่อนที่เคยเป็นแฟนดีไหม ?
ถ้า "อดีต" ของคุณไม่เลวร้ายจนเกินไป ทำไมจะไม่ดีล่ะ

คนเคยเป็นแฟนมาก่อน พอเปลี่ยนเป็นเพื่อน อาจดีต่อกันกว่าสมัยที่เป็นแฟนกันซะอีก

แต่ไอ้ประเภทที่ต้องเลิกเพราะโหลยโท่ยเต็มทน อีกทั้งยังหลอกลวง, หาความจริงใจไม่เคย ได้ หรือชอบโกหกและกะล่อนปลิ้นปล้อน แค่ลดขั้นให้เป็นเพื่อนก็ดูจะเป็นการปรานีมากเกินไป ทำไมคนเราต้องเลิกกันล่ะ?

เบื่อ คือ สาเหตุหลัก, เลวคือปัญหาต่อมา

บางคู่อยู่กันไปนานๆ แทนที่รักจะหวาน กลับจืดจางไปเรื่อยๆ ไม่รู้บริหารความรักให้เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร จะว่า น้ำตาล, น้ำเชื่อม, นมข้นหรือน้ำผึ้งมันราคาแพงเกินกว่า จะหยิบยื่นให้แก่กันได้ก็กระไรอยู่

พออยู่ด้วยกันต่างฝ่ายต่างออกลาย หรือแสดงนิสัยใจคอซึ่งรับไม่ได้ออกมา เรือรักก็เลยล่มจบเห่กันเท่านี้
อย่าลืมว่า คนเราพอ "รักเป็นหรือรักได้" ก็สามารถ "หมดรัก" ได้เหมือนกัน หรือถ้าคู่ไหนมีหัว ในเชิงประนีประนอมหน่อย จากที่เคยรักเป็นแฟน ก็อาจเปลี่ยนเป็นรัก ในลักษณะอื่น อาทิ เปลี่ยนมาเป็นรักแบบเพื่อน, รักแบบน้องหรือรักแบบพี่ก็ยังได้

ยังดีนะ ถ้าเขายังรักอยู่บ้าง ไม่เขี่ยทิ้งเสียเลย หากเป็นอย่างหลังก็ถือซะว่า เขาให้โอกาสเราไปมีคนใหม่ก็แล้วกัน ดีซะอีกสิ จะได้เปลี่ยนรสชาติ เผอิญหนูชอบของใหม่เสียด้วยค่ะ แหม! กะจะไม่บอกความจริงแล้วนะเนี่ย.
เมอร์ลิน