หน้าตาบุญ-บาป



วันก่อนผมเข้าไปค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต บังเอิญให้เข้าไปในกระทู้ที่มีน้องคนหนึ่งตั้งกระทู้ถามมาว่า "หน้าตาของบุญและบาปเป็นอย่างไร"
ปรากฎว่ามีน้องๆ ที่ดูจากภาษาที่ใช้แล้วน่าจะเป็นวัยรุ่นตอบมาได้น่าสนใจมากดังนี้ครับ
น้องคนหนึ่งบอกว่า ตัวบุญขาวดำเหมือนฟองฝ้าย ตัวบาปดำคล้ำเหมือนหมิ่นหม้อ
น้องอีกคนบอกว่า บุญอยู่ที่ปาก บาปอยู่ที่ใจ


ส่วนน้องอีกคนบอกว่า บุญคือการทำความดีของคนคนหนึ่ง ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ส่วนบาปคือการทำความชั่ว ทำให้คนหรือสังคมเดือดร้อน บุญกับบาปหน้าตาคล้ายกันกับมนุษย์ ถ้าไม่เชื่อให้ไปส่องกระจกดู
หลังกระทู้น้องคนที่ตั้งกระทู้ได้เฉลยคำตอบว่าหน้าตาของบุญเป็นอย่างนี้ครับ (ขออนุญาตบอกเล่าเป็นภาษาพื้นบ้านเมืองเหนือ นะครับ)
วันนึ่ง.....ก่อไก้จะมืดแล้ว ตะวันก่อตกฮิมดอยไปแล้ว แต่ก่อปอหันลางๆ อยู่ ขณะตี้ป้อจายคนนึ่ง ก่ำลังจะพายเฮือข้ามฝั่งจากฝั่งนึ่งปิ๊กบ้านไปแห๋มฝั่งนึ่งของแม่น้ำใหญ่ ก่อปอดีมีตุ๊ดงคนนึ่ง ได้เอิ้นฮ้องป้อจายตี้พายเฮือว่า

"โยม....โยม.....อาตมาขออาศัยเรือข้ามฝั่งด้วยได้มั้ย ถือว่าได้บุญ" เมื่อป้อจายคนพายเฮือได้ยินจะอั้น ก่อฮู้สึกว่า...เป๋นศิริมงคลกับตั๋ว ล่ะก่อจะได้บุญตวย ตี้ได้จ้วยเหลือตุ๊ ป้อจายคนนั้นก่อได้พายเฮือเข้าไปฮับตุ๊ทันที


ขณะตี้ก๋ำลังพายเฮือข้ามฟากอยู่นั้น ป้อจายคนนั้นก่อกึ๊ดในใจ๋ว่า "เอ...ได้บุญ มันได้ยังไงหว่า" ป้อจายคนนั้นก่อเลยลองถามตุ๊ดงคนนั้นดูว่า "เอ่อ...หลวงพ่อครับ...ที่เค๊าว่าได้บุญๆ นั้น แล้วตัวบุญนั้น มันเป็นยังไงครับ เกิดมาก็ยังไม่เคยเห็นซักที"


ตุ๊ดงหลวงพ่อองค์นั้น ก่อบะฮู้จะอธิบายจะใด ก่อเลยบอกไปเรื่อยว่า "โยม...ตัวบุญนั้น มันก็เป็นก้อนกลมๆ โตก็เท่าๆ กับหัวเข็มหมุดนั่นแหล่ะ" ป้อจายคนนั้นก่อยังงง อยู่ แล้วถามต่อว่า "เอ....หลวงพ่อครับ หลวงพ่อมีบุญหรือเปล่าครับ"


ตุ๊ดงได้ยิน ก่อชักรำคาญ ก่อเลยตอบว่า "มีสิโยม...ไม่มีแล้วอาตมาจะบวชได้รึ" คนพายเฮือก่อยังบะห๋ายสงสัยเตื้อ (เป๋นคนขี้สงสัย) ก่อถามต่อว่า "หลวงพ่อครับ ถ้าหลวงพ่อมีบุญมาก ขอผมซักหน่อยได้มั้ยครับ ผมอยากได้บุญ"


เอาล่ะสิ ถามมากำนี้ เล่นเอาตุ๊นั่งบะไค้ติดล่ะ หันซ้ายหันขวากึ๊ดบะออก ก่อเลยหันหลังฮื้อคนพายเฮือ ก้มลง "ควัดเอาขี้มูกแห้ง แล้วมาปั้นๆ เป๋นก้อน เต้าหัวเข็มหมุด" แล้วส่งฮื้อคนพายเฮือ เอ๊าโยม...รับบุญไว้นะ อาตมาให้แถ๋มย้ำตวยว่า "ระวังอย่าทำหล่นน้ำหล่ะ ของหายาก"


ป้อจายคนนั้นก่อบะฮู้ว่าจะเอาไว้ตี้ไหนดี จะใส่กระเป๋าเต่ว ก่อกั๋วหาย จะเหน็บแอว ก่อกั๋วตก มือก่อต้องพายเฮือ พายมือเดียวก่อบะได้ หันซ้ายหันขวา บะฮู้ว่าจะเยี๊ยะใดดี ถึงจะเก็บก้อนบุญนี้ไว้ดีๆ ก่อเลยกึ๊ดได้ อ้า... อั้ม....อมบุญนั้นไว้ในปากมันเหี๋ยเลย
ตั้งแต่นั้นก่อบะได้ซักถามตุ๊แล้ว กั๋วบุญตกออกจากปาก นั่งพายเฮือไปอย่างเงียบๆ......ไปจ๋นถึงฟั่ง แล้วก้มลงกราบตุ๊ดงอย่างงาม ด้วยความปิติยินดียิ่ง ตี้ได้บุญ........


พอตุ๊คนนั้นจะเดินจากไป ก่อยังหันมาย้ำแห๋มกำว่า "เก็บไว้ดีๆ นะโยม..." บุญ "นั้นหน่ะ มันหายากจริงๆ อย่าทำห๋ายล่ะ"
นิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าสนุกๆ เท่านั้นเองครับ แต่ความจริงแล้วบุญและบาปหน้าตาจะเป็นอย่างไรอยู่ที่ใจเราคิดไปให้มันเป็นครับ
แต่ในบริบทของหลักพุทธศาสตร์ได้ให้ความหมายของบุญไว้ว่า บุญ หมายถึงเครื่องชำระสันดาน, ความดี, กุศล, ความสุข, ความประพฤติชอบทางกาย วาจา และใจ, กุศลธรรม ส่วนบาป หมายถึงความชั่ว, ความร้าย, ความชั่วร้าย, กรรมชั่ว, กรรมลามก, อกุศลกรรมที่ส่งให้ถึงความเดือดร้อน, ภาพที่ทำให้ถึงคติอันชั่ว, สิ่งที่ทำให้จิตตกสู่ที่ชั่ว คือ ทำให้เลวลง ให้เสื่อมลง


บุญ และบาป เป็นนามธรรม คือไม่มีให้เห็นเป็นตัวเป็นตน เพราะมิใช่รูปธรรมที่จะสามารถจับต้องได้ สัมผัสได้ด้วยกายแต่จะรู้สึกได้ด้วยใจ สัมผัสได้ด้วยใจ ผู้ทำบุญมากสั่งสมบุญมาก จะมีอานิสงส์มีความสุขอายุยืน สามารถดำเนินชีวิตให้เป็นไปได้อย่างปลอดภัย ก้าวหน้า มั่นคง


ตรงกันข้าม ผู้ทำบาปมาก สั่งสมบาปมาก จะมีวิบากคือมีความทุกข์ อายุสั้น ดำเนินชีวิตอย่างไม่ราบรื่นสุ่มเสี่ยง คลอนแคลน ไม่มั่นคง
บุญ ในบริบทของพุทธศาสนา จึงหมายถึงความดี แนวทางที่ดี การกระทำดี จิตคิดดี วาจาพูดดี และวิถีชีวิตที่ดี ที่มีผลออกมาดี ซึ่งตรงกันข้ามกับคำว่า บาป ที่มีลักษณะตรงกันข้ามกับบุญ ที่มีผลออกมาไม่ดี ผู้ทำบุญ ผู้สั่งสมบุญ ผู้สร้างบุญ จึงนิยมเรียกว่า "คนดี" ขณะเดียวกัน ก็เรียกผู้ทำบาป สั่งสมบาป สร้างบาปว่า "คนชั่ว"
หากอยากรู้ว่าตอนนี้เราสะสมบุญหรือบาป ลองส่องกระจกดูครับ บุญและบาปมันจะสะท้อนออกที่ใบหน้าของเรา