พ่อครับ... ผมไม่มีดอกไม้จะมอบให้พ่อ

 
 

: :

แต่ก่อนนานมาแล้วยังมีชายชราคนหนึ่งแก่มาก จนจำอายุตนเองไม่ได้
หากใบหน้าของเขายังคงอิ่มเอิบเปล่งประกายเลือดฝาด

เคราสีเงินยวงสะอาดตาของเขา ยาวปกคลุมมาถึงหน้าอก ร่างกายของเขาแข็งแรงมาก
ตายังไม่ฝ้าฟาง หูก็ยังไม่หนวก

เขามีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง
แต่เขาก็ยังเป็นคนจัดการทุกสิ่งทุกอย่างภายในครอบครัว

ปีนี้ เขาตัดสินใจว่าจะเลือกใครคนหนึ่งจากลูกชาย ๑๕ คน
ของเขามาสืบทอดภารกิจนี้เสียที แต่ว่าจะเลือกใครดีละ

เมื่อชายชราคิดวิธีที่ดีที่สุดได้ จึงสั่งให้ลูกชายทั้ง ๑๕ คน
มาพบแล้วแจกเมล็ดดอกไม้ให้ลูก ๆ คนละ ๑ เมล็ด พร้อมทั้งบอกว่า
ใครสามารถปลูกเมล็ดพืชนี้ให้งอกงาม จนออกดอกบานสะพรั่ง
คนนั้นก็จะได้เป็นผู้สืบทอดมรดกต่อไป

เมื่อลูก ๆ ได้เมล็ดพืชมาแล้วต่างนำไปปลูกและดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี
ลูกชายคนเล็กของชายชราผู้นี้มีชื่อว่า เสี่ยวเหลียงจือ
เมื่อได้เมล็ดดอกไม้แล้ว เขาก็นำไปปลูกในกระถาง รดน้ำเอาใจใส่อย่างดีทุกวันทุกคืน
แต่เมล็ดพืชนั้นก็ไม่แตกกล้าสักที เสียวเหลียงจือรู้สึกเศร้าโศกเสียใจมาก

เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ฤดูร้อนย่างกรายมาถึงแล้ว
ชายชราผู้เป็นพ่อกำหนดว่าวันนี้ จะเป็นวันคัดเลือกดอกไม้ของลูก ๆ
ลูกทุกคนต่างอุ้มกระถางดอกไม้ที่ออกดอกบานสะพรั่งอย่างสวยสดงดงาม
มาให้ผู้เป็นพ่อชมเพื่อรอการคัดเลือก

ชายชราเดินตรวจดอกไม้ที่สวยงามในมือของลูก ๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่มีแววยินดีแม้แต่น้อย
เขาเดินตรวจจากบุตรชายคนโตมาจนถึงบุตรชายคนที่ ๑๔ โดยมิได้หยุดเลย
เมื่อเดินมาถึงเสี่ยวเหลียงจือ บุตรชายคนสุดท้อง ซึ่งยืนถือกระถางเปล่า
ไม่มีทั้งต้นไม้และดอกไม้ ชายชราจึงหยุดกึกอยู่ตรงนั้น

เสี่ยวเหลียงจือน้ำตาไหลพราก กล่าวกับบิดาอย่างสำนึกผิดว่า “พ่อครับ ผมไม่มีดอกไม้จะมอบให้พ่อ...”

ชายชรากลับแย้มยิ้มและพูดอย่างยินดีปรีดาว่า
“ลูกเอ๋ย สิ่งที่เจ้ามอบให้พ่อนั้นมีค่ายิ่งกว่าดอกไม้มากมายนัก”
“อะไรหรือครับ”
“ความซื่อสัตย์ไงละ”

...เรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่...
ชายชราจึงเปิดเผยความลับต่อลูก ๆ
ว่าที่แท้เมล็ดพืชที่ตนแจกแก่ลูก ๆ นั้นเป็นเมล็ดพืชที่นำไปคั่วจนสุกแล้ว
ดังนั้น...... ต้นไม้ที่ผลิดอกสวยงามเหล่านั้นล้วนมาจากเมล็ดพืชจากที่อื่นไม่ใช่เมล็ดพืชที่ผู้เป็นพ่อแจกให้

ดอกไม้พวกนี้จึงเป็นสักขีพยานยืนยันความ “ไม่ซื่อตรง” ของพวกเขา

สุดท้ายชายชราจึงกล่าวอบรมลูก ๆ ว่า
“ขอให้ลูก ๆ จงเป็นคนซื่อตรงเถิด ความซื่อตรงเป็นสมบัติอันล้ำค่าของคนเรา”

ชายชราผู้มองการณ์ไกลมิได้มองหาลูกชายที่แข็งแรง
ร่ำรวยหรือเฉลียวฉลาดเลย หากแต่มองหาลูกชายที่ซื่อสัตย์จริงใจ

แม้เสียวเหลียงจือ จะมีเพียงกระถางว่างเปล่า แต่ใจของเขางดงามยิ่งกว่าดอกไม้ใด ๆ
เพราะเป็นใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความซื่อสัตย์ซึ่งเป็นคุณสมบัติอันหาได้ยากยิ่ง ในโลกที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขันนี้
เขาจึงเป็นผู้ที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจและได้รับมอบหมายสิ่งสำคัญจากผู้เป็นบิดา

นี้ย่อมแสดงให้เห็นว่า ความซื่อตรง และจริงใจ เป็นสิ่งที่ทุกคนคาดหวัง
อยากได้จากกันและกันมากที่สุด ในชีวิตของเรา

เมื่อเราปรารถนาความซื่อตรงจริงใจจากทุกคน เราก็ควรเริ่มจากตัวของเราก่อน
มอบความซื่อตรงจริงใจให้แก่กัน
เพราะนี่คือสมบัติอันล้ำค่าที่เราทุกคนต่างปรารถนา
และสามารถมอบให้แก่กันและกันได้
ให้โลกนี้งดงามด้วยความจริงใจงามยิ่งกว่าดอกไม้ใด ๆ ทั้งมวล