ไอคิว กับ อีคิว

 
 

ไอคิว กับ อีคิว

ความฉลาด ความสามารถของคนเรา
เป็นสิ่งที่พ่อแม่ให้ลูกมาได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์…จริงหรือ

 

เหตุการณ์ระทึกขวัญพี่น้องชาวไทย ที่ผ่านมาเมื่อเดือนก่อนโน้น ที่เหล่าพวกก็อดอาร์มมี่ หรือจะเรียกว่าผู้ก่อการร้ายเข้ายึดโรงพยาบาลที่ราชบุรีและจับประชาชนคนไทยในโรงพยาบาล หลายร้อยชีวิตเป็นตัวประกัน เวลาผ่านไปประมาณ 24 ชั่วโมง ฝ่ายผู้ดีเป็นฝ่ายชนะครับ

หากจะว่ากันถึงพื้นฐานของพวกก่อการร้ายก็ใช่ว่าจะเป็นพวกโง่เง่าเต่าตุ่นที่ไหน ตามข่าวก็บอกว่า เป็นพวกนักศึกษามาก่อน แสดงว่า ไอคิว ก็น่าจะเข้าขั้นใช้ได้ แต่พวกนี้ผมว่าอีคิวไม่ค่อยดี จึงก่อเรื่องไม่เข้าท่า ชวนให้ระทึกใจตามที่เห็นขึ้นมาได้

มนุษย์เราสมัยนี้ จะอยู่ได้อย่างสงบสุขต้องมีทั้งไอคิวและอีคิวที่ดี

IQ. ย่อมาจาก Intelligence Quotient คือ ความฉลาดทางด้านความคิด ความอ่าน และการกระทำ หรือรวมเรียกว่า ความฉลาดแบบโดยรวมอะไรก็ได้แต่คนเรามักจะเหมาเอาว่า คนที่มีไอคิวสูง คือคนที่เรียนเก่ง สอบได้คะแนนเป็นเยี่ยม คนที่มีสมองดี มีความคิดความจำดี มีความสามารถในการวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ ได้ดี ความสามาระดังกล่าว เป็นตัวแสดงออกถึงความมีไอคิวต่ำสูง ไอคิวที่ดี ตรงข้ามกับเหล่าคนปัญญาอ่อนทั้งหลาย เรียกว่า มีไอคิวต่ำ ใช่ครับ ไม่ผิด แต่ก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะเรื่องของไอคิวนั้นควรจะรวมอย่างหลากหลายดังกล่าวแล้ว

เช่น เด็กคนนี้ เรียนหนังสือแย่มาก สอบจะตกไม่ตกแหล่ แต่แกเล่นเปียโนก่งชะมัด ก็สามารถเรียกได้ว่า มีไอคิวสูงในเรื่องของเปียโน จะเรียกว่าเป็นอัจฉริยะก็น่าจะได้

ไทเกอร์วูดส์ เรียนหนังสือก็หยั่งงั้นๆ แต่ในเรื่องของการเล่นกอล์ฟไทเกอร์วูดส์เป็นมือหนึ่ง ของโลกติดต่อกันมาเป็นเวลานานปี สามารถทำเงินรางวัลได้มากกว่าสองร้อยห้าสิบล้านบาท ภายในปี ค.ศ.1999 ที่เพิ่งผ่านมา นั่นก็แสดงว่าไทเกอร์วูดส์เป็นคนที่มีไอคิวสูงมากเกี่ยวกับเรื่องของกอล์ฟ

ดังนั้นเรื่องของความฉลาดทางความคิด การแสดงออก การกระทำ จึงเป็นเรื่องที่หลากหลายในแต่ละคน ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน แต่ผู้ที่ประสบความสำเร็จในกิจกรรมต่างๆ ได้นั้น ในปัจจุบันทางการแพทย์พูดถึงอีคิว… EQ. ร่วมกับ IQ. เปรียบเสมือนดังคู่แฝดเลยทีเดียว

EQ. ย่อมาจาก Emotion Quotient แปลเป็นไทยว่าความฉลาดทางอารมณ์ ว่ากันถึงเรื่องอารมณ์ ก็น่าจะมีอยู่สามฝ่ายคือ ฝ่ายร้ายหนึ่ง ฝ่ายดีหนึ่ง และฝ่ายไม่ยินดียินร้ายอีกหนึ่ง

แน่นอนครับว่า ฝ่ายอารมณ์ดี ย่อมจะต้องดีที่สุดเป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุด ตัวคุณเองก็คงจะชอบคนอารมณ์ดีกันนะครับ เพราะฉะนั้น เรื่องของความฉลาดทางอารมณ์ หรือ EQ. จึงเป็นสิ่งที่นำมาพิจารณาในตัวบุคคลควบคู่ไปกับ IQ. คนที่อีคิวดี คือคนที่มีอารมณ์ดี มีความคิด ความอ่านที่ดี มีสติปัญญาดีมีการควบคุมอารมณ์ได้ดี เป็นผู้ที่รวยอารมณ์ขันมี Sense of Humor ใครๆ ก็ชอบคนแบบนี้ตรงกันข้ามกับคนที่มีอีคิวไม่ดี เช่น มีอารมณ์แปรปรวนง่าย หงุดหงิดง่าย คนดื้อรัน หัวแข็ง เอาแต่ใจตนเอง เห็นแก่ตัว ไม่มีนิสัยยืดหยุ่น ไม่ชอบการประนีประนอม ไม่มีความมั่นใจในตนเอง ชอบวิตกกังวล มองโลกในแง่ร้าย เหล่านี้เป็นเรื่องของคนที่อีคิวไม่เข้าท่า คุณก็คงไม่อยากจะคบกับคนประเภทนี้ใช่ไหมครับ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า บุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น จะมีเพียงไอคิวที่ดีแต่เพียงอย่างเดียวนั้นไม่ได้ ต้องมีอีคิวที่ดีด้วย และเชื่อว่าอีคิวน่าจะมีความสำคัญกว่าด้วยซ้ำไปมีตัวอย่างให้เห็นในสังคมมากมายหลายคน ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตและคนที่เก่งแต่ไม่ประสบความสำเร็จ คุณๆ คงหามาเป็นตัวอย่างได้ โดยที่ผมไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อ

ที่นี้ก็มาถึงบทสำคัญว่า จะทำอย่างไรให้มี IQ. และ EQ. ที่ดีได้ ว่าไปแล้วก็น่าจะมีปัจจัยร่วมสามประการคือ หนึ่ง...เรื่องของครอบครัว การเลี้ยงดูและสายพันธุ์ สอง...เรื่องของโภชนาการ สาม...เรื่องของสิ่งแวดล้อม ทั้งสามประการจะมีส่วนสัมพันธ์กับเรื่องของ IQ. และ EQ. อย่างชัดเจน อย่างเช่นเรื่องของครอบครัว ควรจะเริ่มต้นกันที่ผู้เป็นพ่อแม่

เอาล่ะเรื่องของสายพันธุ์นั้น อาจจะลำบากเพราะมนุษย์เราจะมาแต่งงานอยู่กินกันนั้น เขาคงไม่ได้ดูกันที่สายพันธุ์เหมือนสัตว์เลี้ยงหรอกนะ แต่จะดูกันที่ความปิ๊งกันมากกว่า

เรื่องของสายพันธุ์ซึ่งเป็นเรื่องของตามบุญตามกรรมชนิดสายใครสายมันว่างั้นเถอะ ถ้าหากสายพันธุ์ดี สายพันธุ์เก่ง สายพันธุ์อารมณ์ดี ก็เท่ากับชนะไปกว่าครึ่งแล้วแหละครับ แต่สิ่งที่สามารถจะทำได้ก็คือ การสร้างลูกให้มีคุณภาพ มี IQ. ที่สูงขึ้นกว่าที่ควรมี EQ. ที่ดีกว่าที่ควรได้ เช่น เมื่อแม่ตั้งครรภ์ ถ้าแม่เองมีสุขภาพดีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต ก็จะช่วยได้มาก แม่สุขภาพกายดี แข็งแรงดี ทารกในครรภ์ก็จะพลอยดีตามไปด้วยการเจริญเติบโตของร่างกายโดยรวมนั่นหมายถึงมันสมอง ก็จะพลอยดีตามไปด้วยและการที่แม่มีสุขภาพจิตดีเป็นคนอารมณ์ดีตลอดการตั้งครรภ์ ก็จะช่วยให้ลูกในครรภ์อารมณ์ดี คลอดออกมาก็อารมณ์ดี เลี้ยงง่าย เติบโตขึ้นมาก็เป็นคนมีอารมณ์ดี นั่นก็คือ มี EQ. ดีนั่นเอง คุณทำได้มั้ยล่ะ ผมเชื่อว่าทำได้นะ

ทีนี้ก็มาถึงเรื่องของอาหารโภชนาการการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์นั้น ต้องอาศัยอาหารจากแม่ที่รับประทานเข้าไป จากการศึกษาพบว่า การที่แม่รับประทานอาหารประเภทปลา โอเมก้า-3 หรือ DHA เข้าไปพอสมควร จะช่วยให้การพัฒนาของสมองเป็นไปได้ยิ่งขึ้น ดีกว่าคุณแม่ที่หันหลังให้ปลานะครับ

อย่างไรก็ตาม อาหารอื่นๆ ที่มีคุณค่ามีประโยชน์ก็อย่าละเว้นนะครับ เช่นพวกผักผลไม้ต่างๆ ที่หาได้ในตลาดบ้านเรา

การสร้าง IQ.และ EQ. อีกประการหนึ่งก็คือเรื่องสิ่งแวดล้อม การพัฒนาทางสมองเด็กนั้น จะเริ่มกันตั้งแต่ในครรภ์ของแม่จนกระทั่งอายุประมาณสามขวบ คือวัยก่อนเข้าอนุบาล การที่คุณพ่อ คุณแม่ช่วยกระตุ้นการพัฒนาทางสมองตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์ จนกระทั่งจะเข้าอนุบาลนั้นจึงเป็นสิ่งที่ดี แต่ทั้งนี้ต้องดูความเหมาะสมควรว่าจะกระตุ้นกันอย่างไร เด็กชอบหรือไม่ เช่น ให้ของเล่นเด็กชิ้นหนึ่งที่เด็กไม่ชอบ แต่พ่อแม่บังคับให้เล่น นั่นหมายความว่า เด็กจะได้รับการพัฒนาเรื่อง IQ. แต่ EQ. นั้นไม่ กลับแย่ลงเสียอีก ตรงกันข้ามกับเด็กที่ได้ของเล่นที่ตัวเองชอบเล่นด้วยความสนุกเพลิดเพลิน ก็จะได้ทั้ง IQ. และ EQ. พร้อมๆ กันไป ที่ผมเขียนมานี้ค่อนข้างจะกว้างไปสักหน่อยความจริงแล้ว การสร้าง IQ. และ EQ. ให้ได้ดีนั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน คุณพ่อ คุณแม่ คุณครู ผู้ปกครอง ต่างก็มีบทบาทที่สำคัญ การสร้างต้องสร้างกันตั้งแต่เล็กๆ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ แรกคลอด จนกระทั่งเติบโตขึ้นมาไม่มีที่สิ้นสุด ผมเชื่อว่าคำสอนของพระพุทธองค์ จะช่วยในเรื่องการสร้าง EQ. ที่ดีได้

ดังนั้นจึงขอแนะนำสำหรับผู้ใหญ่นะครับว่า ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวคุณเองเป็นคนที่ฉลาดเก่ง ก็จริงอยู่ แต่ EQ.หรือวุฒิภาวะทางอารมณ์ไม่ค่อยจะดีเอาเสียเลย ก็จงหันหน้าเข้าวัดหาธรรมะคำสอนของพระพุทธองค์ มาศึกษาพิจารณาแล้วจะช่วยให้ดีขึ้นเยอะเลยครับ ผมเองก็ปฏิบัติอยู่บ้างเหมือนกันแหละ


นพ.พนิตย์ จิวะนันทประวัติ