การรบที่เกาะช้าง
การต่อสู้ระหว่าง ร.ล.ธนบุรี กับเรือข้าศึก ๔ ลำ
ร.ล.ธนบุรี ได้ออกเรือเพื่อไปช่วยเรือตอร์ปิโด ทั้งสองดังกล่าวแล้วข้างต้นเมื่อเวลา ๐๖๒๐ ร.ล.หนองสาหร่าย และร.ล.เทียวอุทก ก็ได้ออกเรือตามมา เมื่อ ร.ล.ธนบุรีออกเรือมาได้เล็กน้อยก็พบเรือข้าศึก ๑ ลำ ทางท้ายเกาะไม้ชี้ ตรวจพบว่าเป็นเรือลาดตระเวนลามอตตฺปิเกตฺ ผู้บังคับการเรือตัดสินใจเข้าต่อสู้ทันที เพราะเรือลำนี้เป็นกำลังสำคัญของกองทัพเรืออินโดจีนฝรั่งเศส และได้สั่งการให้ ร.ล.หนองสาหร่าย และ ร.ล.เทียวอุทก หลบไปอยู่ทางเหนือของเกาะช้าง เพราะเรือทั้งสองเป็นเรือขนาดเล็กไม่มีโอกาสใช้อาวุธให้ถึงเรือข้าศึกในระยะไกล
ร.ล.ธนบุรี มีระวางขับน้ำ ๒,๒๐๐ ตัน ความเร็ว ๑๖ น็อต มีปืนขนาด ๘ นิ้ว ๔ กระบอก ส่วนเรือลาดตระเวน ลามอตตฺปิเกตฺ มีระวางขับน้ำถึง ๙,๓๕๐ ตัน ความเร็ว ๓๓ น๊อต มีปืนขนาด ๖.๑ นิ้ว ๘ กระบอก ระยะที่รบกันเพียง ๑๔,๐๐๐ เมตร จัดว่าอยู่ในระยะปืนด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่ฝ่ายข้าศึกยิงได้เร็วกว่าาตามคุณลักษณะของปืน และยังมีตอร์ปิโดอีกถึง ๑๒ ท่อ
การต่อสู้ระหว่างเรือทั้งสอง ซึ่งมีเส้นทางไปทางตะวันออกเริ่มเมื่อเวลา ๐๖๔๐ เสียงปืนเรือของทั้งสองฝ่ายใต้ได้ยินไปถึงจังหวัดตราดและจังหวัดจันทบุรี ฝ่ายเราได้ยิงถูกเรือข้าศึกก่อนบริเวณสะพานเดินเรือ ๒ นัด ฝ่ายข้าศึกเริ่มยิงตอร์ปิโดมายัง ร.ล.ธนบุรี ๓ นัด แต่ผิดเป้าหมาย ต่อมา ร.ล.ธนบุรี ก็ถูกกระสุนนัดแรกของข้าศึกที่ใต้สะพานเดินเรือ แล้วระเบิดเข้าไปในหอบังคับการ ผู้บังคับการเรือและจ่าเรือเสียชีวิตทันที นอกจากนั้นบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง แรงระเบิดทำให้เครื่องถือท้ายเกิดขัดข้อง ต้นหน คือ ร.ท.เฉลิม ส่วางถาวร ได้รับบาดเจ็บที่ศรีษะ ต้องออกไปที่สะพานเดินเรือ เพื่อใช้เครื่องมือท้ายอะไหล่ที่ท้ายเรือ
ร.ล.ธนบุรี ได้แล่นหมุนเป็นวงกว้างอยู่หลายรอบ ต่อเมื่อใช้เครื่องถือท้ายอะไหล่ได้แล้ว จึงกลับแล่นไปในทิศทางเดิม แต่การบังคับเรือไม่สู้จะคล่องแคล่วนัก
เรือข้าศึกที่สิ้นสุดการต่อสู้กับเรือตอร์ปิโดของไทยทั้งสองลำได้แล่นเข้ามาสมทบกับเรือของฝ่ายตนระดมยิงมายัง ร.ล.ธนบุรี อย่างหนัก แต่ ร.ล.ธนบุรี ยังคงดำรงความมุ่งหมายในการต่อสู้กับเรือลาดตระเวนลามอตตฺปิเกตฺ เนื่องจากเรือลำนี้เป็นเป้าสำคัญ ร.ล.ธนบุรี ได้ยิงถูกเรือลามอตตฺปิเกตฺ ซ้ำอีกบริเวณสะพานเดินเรือ ซึ่งเข้าใจว่าได้ก่อให้เกิดความเสียหายและเกิดขัดข้องบางประการ เรือลำนี้จึงได้หันออก เลี้ยวไปทางขวาเพื่อหลบส้อมและขยายระยะยิงให้ห่างออกไป แต่ ร.ล.ธนบุรี ก็ยังดำรงการยิงต่อไปอย่างหนัก ซึ่งเป็นที่เชื่อได้ว่าได้ทำให้ข้าศึกเสียหายมากยิ่งขึ้น
ร.ล.ธนบุรี กำลังทำการดับไฟที่ไหม้อย่างหนัก
ร.ล.ธนบุรี ถูกยิงซ้ำเติมหลายนัด กระสุนถูกบริเวณห้องนายทหารและห้องพันจ่า ทหารบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายนาย กระสุนนัดหนึ่งทะลุเข้าไปในห้องกระสุนป้อมท้าย แต่โชคดีที่ไม่ระเบิดมิฉะนั้นจะก่อให้เกิดอันตรายแก่เรือและกำลังพลอย่างหนักที่สุด กระสุนบางนัดเป็นกระสุนเพลิงและกระสุนกาซพิษ ทำให้ ร.ล.ธนบุรี เกิดไฟไหม้ขั้นหลายแห่ง ควันไฟตระหลบคลุ้งอยู่ในเรือข้างล่างบริเวณช่องทางเดินเรือตอนกลางลำ และกระจายไปทั่วจนมองไม่เห็นอะไร ทำให้หายใจไม่สะดวกแต่ ร.ล.ธนบุรี ก็ยังดำรงการระดมยิงไปยังเรือลามอตตฺปิเกตฺ อย่างต่อเนื่อง
เวลา ๐๗๔๐ เครื่องบินข้าศึกได้บินมาอยู่เหนือเรือ ตอนแรกทุกคนดีใจว่าเป็นเครื่องบินฝ่ายเรามาช่วยเหลือ แต่แล้วเครื่องบินดังกล่าวได้ทิ้งระเบิด ๑ ลูก ถูกห้องสูทกรรม (ห้องประกอบอาหาร) ทำให้ไฟไหม้หนักขึ้น ทหารได้รับบาดเจ็บและชีวิตอีกหลายนาย แต่กระนั้น ร.ล.ธนบุรีก็ยังทำการรบได้ต่อไป และได้ยิงถูกเรือลามอตตฺปิเกตฺ ที่ตอนท้ายเรือบริเวณป้อมท้ายเข้าอย่างจัง เห็นประกายไฟและควันพลุ่งตามมา ทำความเสียหายให้เรือข้าศึกอย่างหนัก เรือแล่นส่ายไปมา และได้ชักธงสัญญาณขึ้นที่พรวนหลายราว กับเปิดแตรไซเรนเป็นสัญญาณส่งคำสั่งให้เรือลำอื่น ๆ ฝ่ายตน เรือเหล่านั้นจึงได้ล่าถอยออกไปจากยุทธบริเวณ
เมื่อเรือข้าศึกหันหนีถอยไป ร.ล.ธนบุรี จะติดตามก็ไม่ทันเพราะความเร็วน้อย และสภาพของเรือก็ไม่อำนวยแล้ว ตามคำให้การของชาวประมง ได้ความว่าเมื่อเรือลามอตตฺปิเกตฺ แล่นออกไปนั้น ในเรือมีไฟลุกอยู่ที่ตอนท้ายเรือ และลำเรือตอนท้าย แปล้น้ำผิดกว่าปกติมาก เรือตามอีก ๓ ลำ ได้แล่นประคองไปทางทิศตะวันตก
สภาพของเรือ ร.ล.เมื่อไฟสงบชั่วคราว
เมื่อเรือฝ่ายข้าศึกได้พากันล่าถอยไปแล้ว ป้อมปืนต่าง ๆ ได้รับคำสั่งให้หยุดยิงเมื่อเวลา ๐๘๒๐ ทหารประจำป้อมปืนพากันเปล่งเสียงชโยขึ้นพร้อม ๆ กัน ด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจที่เขาต่างก็ได้ช่วยกัน ทำหน้าที่ยิงปืนไปถูกเรือข้าศึก ได้รับความเสียหายอย่างหนักจนต้องล่าถอยไป จากนั้นก็ได้ช่วยกันดับไฟที่ไหม้อยู่อย่างหนัก แต่ไฟก็ยังไม่ทุเลาการลุกลาม ดังนั้น เพื่อมิให้กระสุนดินปืนในคลังของเรือเกิดระเบิดขึ้นเมื่อไฟลุกลามไปถึง จึงได้เปิดน้ำเข้าคลังกระสุนและดินปืนทำให้น้ำไหลเข้าเรือเร็วขึ้น ท้ายเรือแปล้น้ำมากขึ้นและเอียงทางกราบขวา แต่เรือก็ยังใช้จักรเดินต่อไปด้วยความสามารถของพรรคกลิน ต่อมาเพื่อไฟไหม้ลุกลามไปถึงหลังห้องเครื่องจักร ควันไฟและควันระเบิด ได้กระจายไปถึงห้องเครื่องจักรใหญ่ เครื่องจักรช่วยและห้องไฟฟ้า หทารพรรคกลินในห้องไฟฟ้า ๘ นายไม่มีอากาศหายใจและได้เสียชีวิตไปขณะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ
เมื่อเวลา ๐๙๕๐ ร.ล.ช้าง ซึ่งมี ร.อ.สนิท อังกินันท์ เป็นผู้บังคับการเรือได้นำเรือเข้าช่วยดับไฟ ที่ไหม้อยู่อย่างหนักบน ร.ล.ธนบุรี และเข้าทำการลากจูง ร.ล.ธนบุรี ซึ่งอยู่ในสภาพหมดหนทางแก้ไขให้คืนดีได้ นำไปเกยตื้นแถวแหลมงอบ เวลา ๑๑๓๐ ร.ล.ธนบุรี ถูกจูงมาถึงเขตน้ำตื้น และจูงต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ร.อ.ทองอยู่ ส่วางเนตร์ ต้นเรือซึ่งทำหน้าที่แทนผู้บังคับการเรือ จึงสั่งให้ลำเลียงทหารบาดเจ็บลง ร.ล.ช้าง แล้วให้สละเรือใหญ่ ในที่สุดเมื่อเวลา ๑๖๔๐ กราบเรือทางขวาเริ่มจนน้ำมากขึ้น เสาทั้งสองเอนจมลงไป กราบซ้ายและกระดูกงูกันโคลงโผล่อยู่พ้นน้ำ
สรุปผลการรบ
ส่วนหนึ่งของนายทหารที่ทำการรบที่เกาะช้าง ส่วนหนึ่งของทหารประจำ ร.ล.สงขลา ที่ทำการรบที่เกาะช้าง
ทหารฝ่ายเราเสียชีวิต ๓๖ นาย เป็นทหารประจำ ร.ล.ธนบุรี ๒๐ นาย ร.ล.สงขลา ๑๔ นาย ร.ล.ชลบุรี ๒ นาย สำหรับการสูญเสียของฝ่ายข้าศึก ไม่ทราบจำนวนแน่นอน แต่ทราบกันว่าเมื่อเรือข้าศึกกลับถึงไซ่ง่อน ได้มีการขนศพทหารที่เสียชีวิต และทหารที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นบกกันตลอดคืน
การรบทางเรือครั้งนี้นับว่าเป็นการรบทางเรือที่ได้กระทำอย่างจริงจัง ในประวัติการรบของทหารเรือไทย นับแต่ได้ดำเนินการทหารเรือตามแบบอย่างของอารยประเทศที่เจริญในการเดินเรือ ซึ่งชาวไทยทั้งหลายควรภูมิใจ เพราะนับตั้งแต่สงครามญี่ปุ่น-รัสเซีย เมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๔๗-๒๔๔๘ แล้วก็มีประเทศไทยที่เป็นประเทศในตะวันออกไกล ชาวเอเซียได้ทำการรบทางเรืออย่างแท้จริงกับชาติตะวันตกแม้ฝรั่งเศสเอง ซึ่งเป็นข้าศึกของเราในครั้งนั้นก็ยังกล่าวสรรเสริญถึงวีรกรรมของทหารเรือไทย ดังได้ปรากฎในวิทยุกระจายเสียงสถานไซ่ง่อน เมื่อ ๑๙ ม.ค.๘๓ มีความว่า
" แต่เราจะลืมเสียมิได้ที่จะสรรเสริญการต่อสู้อย่างทรหดกล้าหาญของทหารไทย เราขอน้อมเคารพพวกทหารเรือไทยที่ได้สิ้นชีพในการต่อสู้อย่างถึงที่สุดสมเกียรติทหาร เพื่อบ้านเกิดเมืองนอนของเขาด้วย "
นับจากการรบที่เกาะช้าง จนถึงวันลงนามย่อในสัญญาสันติภาพ เมื่อ ๑๑ มี.ค.๘๔ ที่กรุงโตเกียว ไม่ปรากฎว่ามีเรือรบข้าศึกเข้ามาในอ่าวไทยเลย ตรงข้ามกับฝ่ายเราซึ่งได้ส่งกำลังทางเรือออกทำการตรวจทะเลยึดการคมนาคมไว้ในมือแต่ผู้เดียว
|