"เมอร์ลิน"
ก็เป็นไปตามประสาคนชอบสรรหาเรื่อง "ความรัก" มาฝากแควนๆ คุณผู้อ่านที่เคารพยิ่ง
สัปดาห์นี้ เมอร์ลินขออนุญาตแหวก แนวไปจากการเขียนเรื่องสัมพันธ์เชิงสวาท ประเภทหนุ่มฉอเลาะสาว หรือสาวให้ท่าหนุ่ม เป็นคำคมจากปลายปากกา ของต้นตำนาน ผู้เชี่ยวชาญด้านความรักกันบ้างดีกว่า
นัยว่า บางทีเราได้ฟังอะไรดีๆ ในแง่งามและความจริงจากความรักแล้ว บางท่านอาจสะอึก แต่บางคนอาจเจ็บปวด, บางรายอาจซาบซึ้ง หรือบางทีอาจฉีกคอลัมน์นี้ แปะข้างฝา ไว้เตือนความจำกันเลยก็ได้
มาเริ่มต้นคำคม แบบบาดลึกไปถึงขั้วหัวใจกันเลยดีกว่า ยาขอบ ท่านเขียนไว้ ในหนังสือชื่อ ความรักว่า "คนที่เรารัก อาจไม่ใช่คนที่เราครอบครอง คนที่เราได้ครอบครอง อาจไม่ใช่คนที่เรารัก" แค่นี้ต้องให้แปล ไทยเป็นไทยไหมท่านว่า เรื่องของความรักนั้น มันเกิดกับมนุษย์สองคนก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่า "รัก" หนนั้น จะประสบความสำเร็จ เสมอไป
หลายหนหลายครั้งที่คนเรารักกันแล้ววืด หรือ "ก้าวพลาดจนเผลอตกบันได" เพราะมีปัจจัยเสริมหลายอย่าง ทำให้อยู่ด้วยกันไม่ได้.... ทั้งที่ใจนั้น อาจรักกัน ปานจะกลืน แต่อนิจจา เขาดันมีคนอื่นอยู่ก่อนแล้ว
เหตุนี้เมื่อเวลาเราจะเลือกคู่ แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเรารักใคร แต่ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่า เป็นไปไม่ได้ ทำให้เราต้องไปเลือกคนอื่นมาอยู่ด้วย เรียกว่า ผิดฝา ผิดตัว ก็เลยทำให้เกิด อารัมภบท ของยาขอบ ข้างต้นขึ้นมานั่นไง
เมอร์ลินว่า หลายคู่หากลงเอยกันทำนองนี้ ขอให้อย่าคิดอะไรมาก คิดซะว่า รักมันก็เป็นเช่นนี้เอง คือแม้เราไม่สมหวังในรัก แต่ก็ยังมีคนที่มารักเราอยู่ - แบบนี้ก็น่าจะพอใจแล้ว ใช่ไหม
ต่อไปเป็นของคุณ ออสการ์ วาย นักเขียนชั้นบรมครูจากอังกฤษ แม้ท่านจะเป็นเกย์ แต่กลับพูดถึงความรักไว้น่าสนใจว่า "ผู้ชายจะเลือกรักแรกของผู้หญิง แต่ผู้หญิงมักเลือกรักสุดท้ายของผู้ชาย"
เป็นไงล่ะ นี่ขนาดคุณออสการ์เธอเขียนไว้หลายสิบปีแล้ว แต่ยังปรากฏว่า คำพูดยังดำรงความจริง ชนิดไม่ค่อยจะเปลี่ยนสักเท่าไหร่
ท่านว่า ผู้หญิงมักจะมั่นคงต่อความรัก ในขณะที่ผู้ชายจะเรื่อยๆ มาเรียงๆ หนำซ้ำ บุรุษเพศน่ะ มักเอาเปรียบผู้หญิงในเรื่องสัมพันธ์สวาทเสมอ
เห็นไหมว่า ผู้ชายส่วนใหญ่ นิยมชมชอบผู้หญิง ที่ยังหวงแหนพรหมจารี เอาไว้ให้เขาแต่เพียงผู้เดียวเสมอ ขณะที่ฝ่ายหญิงก็ไม่รู้เป็นไง ยอมอ่อนข้อ และไม่เห็นว่า ผู้ชายที่ตัวเองรัก จะต้องบริสุทธิ์ผุดผ่องสักเท่าไหร่เลย
แต่ข้อสำคัญของผู้หญิงคือ ขอให้ชายหนุ่มคนนั้ นมารักฉันจริงก็แล้วกัน เพราะเธอจะยกให้หมดทั้งตัว และหัวใจทีเดียวเชียวนะ
นอกจากนี้ ความรักของผู้หญิง ก็ไม่ต้องพึ่งพายาไวอากร้าเสียด้วย เพราะอะไรรู้ไหม?
ก็เพราะเมื่อผู้หญิงตกลงปลงใจที่จะรักใครแล้ว เธอก็จะรักเลย (บางคนอาจเลยเถิดไปเสียด้วยซ้ำ) ทำให้แม้แต่เรื่องเพศสัมพันธ์ เธอก็จะมองว่า เป็นหัวข้ออันดับรองๆ ของชีวิตคู่ด้วยซ้ำ... ไม่เชื่อก็ลองถามเพื่อนสาวของคุณๆ ดูสิว่า ถ้าเธอไม่มีเซ็กซ์กับแฟนแล้วเธอจะยังรักเขาอยู่ไหม?
ต่อไปเป็นคำแหลมคมของนักคิดนิรนามบอกเอาไว้น่าฟังว่า "การมีชีวิตอยู่คนเดียวในโลกไม่ต้องใช้ฝีมือ แต่การมีชีวิตคู่ต่างหากล่ะที่ถือว่า เป็นพัฒนาการในด้านจิตใจ" ก็จริงของเขานะที่ว่า การมีชีวิตโสดน่ะ ไม่เห็นต้องใช้ฝีมือ ในการดำรงชีวิตอย่างไรเลยเพราะเราอยู่ตัวคนเดียว ทำอะไรคนเดียว จะต้องไปแคร์ใคร ให้มันยุ่งยาก
ทว่าเมื่อไหร่ก็ตาม ที่คุณไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก แต่เกิดมีใครสักคนมาอยู่ด้วยเป็น "สองเรา" นี่สิ คุณคิดหรือว่า การดำเนินชีวิต มันจะง่ายเหมือนเมื่อครั้งที่ต้องอยู่คนเดียว ตามลำพัง... น่าคิดนะจ๊ะข้อนี้
ถัดมาบอกไว้ว่า "อย่าแต่งงานเพื่อหนีความเหงา และความว้าเหว่ (เลยแม่คุณเอ๋ย) เพราะถ้าแต่งงานไป (แล้วเกิดไปกันไม่ได้จริง) คุณจะยิ่งเหงาและว้าเหว่หนักขึ้น"
ขอทิ้งทวนแต่ไม่ทิ้งท้าย เอาไว้ว่า
"การเลือกคู่ครองที่ดี คือการมองอนาคตของกันและกัน"
เพราะอย่างว่า "ความรัก" ควรมีพัฒนาการ ส่วนจะเป็นการก้าวกระโดดไปในทางที่ดี หรือร้าย ก็ขึ้นอยู่กับนักรักมืออาชีพอย่างคุณๆ ทั้งหลายนั่นแหละ
ส่วนคำคมอมตะที่เมอร์ลินชอบสุด ท่านว่า
The supreme happiness of life is conviction that we are loved
= ค่ะ ความสุขสูงสุดของชีวิต คือการแน่ใจว่า เรามีคนรักอยู่
ซึ้งไม่ซึ้ง ก็ไม่รู้ล่ะ แต่เราชอบจังเลย.
"เมอร์ลิน"
|