เอาใจเขามาใส่ใจเรา


การเขียน คือการเรียบเรียงความคิดให้เป็นระบบได้ดีที่สุด
พอบังคับตัวเองว่าต้องเขียน ความคิดที่กระเจิดกระเจิงจะเริ่มเป็นระบบ
“ เหตุผล ” เวลาอยู่ในสมองจะมีนิสัยเหมือนเด็กช่างกล ชอบยกพวกตีกันเป็นประจำ
แต่การเขียนเหมือนการเป่านกหวีดจัดระเบียบ “ เหตุผล ” จาก “ สมอง ” สู่ “ แขน ”
ไป
“ มือ ” พอเรียงร้อยเป็นตัวอักษร มันผ่านกระบวนการกลั่นกรองมากมาย “ เหตุผล ”
ที่ยกพวกตีกัน พอเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ

บางทีเราจะตกใจ ที่คิดว่ามีกันมากมายหลายสิบหลายร้อย แต่จริงๆ
มีแค่ไม่กี่ข้อ
จากนั้นก็ตัดสินใจไม่ยากว่าควรเลือกหนทางใดดีกว่ากัน

การรู้จักเปลี่ยนมุมความคิดนั้นเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับชีวิต
เพราะการเข้าใจคนอื่นจะทำให้เรามีมุมมองที่หลากหลายขึ้น
ไม่ตัดสินอะไรจากมุมมองของเราเพียงด้านเดียว

ในเชิงการตลาด เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ในอดีต ผู้ผลิตสินค้าชอบคิดแบบ
“ สินค้า ” เป็นใหญ่ ไม่สนใจว่าผู้บริโภคต้องการอะไร
เชื่อว่าถ้าผลิตสินค้าที่ดีมีคุณภาพแล้ว ผู้บริโภคต้องซื้อ
แต่วันนี้ต้องเปลี่ยนมุมคิดใหม่ ต้องเริ่มต้นจากผู้บริโภคต้องการอะไร
แล้วจึงผลิตสินค้ามาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค เป็นวิธีคิดแบบ
“ ผู้บริโภค ” เป็นใหญ่ ศัพท์เท่ของ “ ทักษิณ ชินวัตร ”
ที่บอกว่าวันนี้ต้องคิดแบบ “OUTSIDE IN” ไม่ใช่ “INSIDE OUT”
ก็คือการเปลี่ยนมุมคิด มองจากข้างนอกมาหาตัวเรา
ไม่ใช่คิดแบบมองจากตัวเราไปข้างนอก

ถ้าจะอธิบายด้วยสำนวนตะวันตกก็คือ การเปลี่ยนไปใส่รองเท้าของคนอื่นบ้าง
คือเปลี่ยนจุดยืนจากที่เรายืนอยู่
จากรองเท้าที่เราสวมใส่ไปสู่รองเท้าคู่ใหม่
คู่ที่คนอื่นสวมอยู่ มองจากมุมนั้นมาสู่ตัวเรา
จะทำให้เราเข้าใจว่าคนอื่นคิดอย่างไรกับเรา กำหนดจังหวะก้าวได้ง่ายขึ้น
ความจริงเรื่องนี้คนโบราณเขาสอนกันมานานแล้ว จำสำนวนนี้ได้ไหมครับ
“ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ”

ถ้าเราเป็นเขา เราจะคิดอย่างไร ทั้งมุมมอง และกระบวนการคิด นั่นแหละครับ
“OUTSIDE IN”

รู้ไหมครับว่าใครเป็นคนคิดสำนวนที่ว่า “ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ” ติ๊กต่อก
ติ๊กต่อก...

คนคิดเป็น ” หมอ ” ครับ ...หมอผ่าตัด ” หัวใจ ”