ประวัติการก่อสร้างพระมหาเจดีย์เริ่มด้วยการตั้งสัจจยาธิษฐานของพระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
เจ้าอาวาสต่อหน้าพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดโคตะมะวิหาร จังหวัดจิตตกอง ประเทศบังกาลาเทศ เป็นครั้งแรกว่า หาก
ได้รับพระบรมสารีริกธาตุ ครบ 5 องค์ จะสร้างพระมหาเจดีย์เพื่อประดิษฐานพระองค์ท่านให้ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ซึ่งเจตนาเดิมทางบังกาลาเทศจะมอบให้เพียง 1 องค์เท่านั้น และแล้วทางบังกาลาเทศตกลงยินยอมมอบให้ 5 องค์


ตามประสงค์ หลวงพ่อจึงปฏิบัติตามที่ได้ตั้งสัจจยาธิษฐานไว้ ดำเนินการก่อสร้างพระมหาเจดีย์ บนเนื้อที่ 5 ไร่ เริ่มก่อ
สร้างเมื่อปี 2519 แล้วเสร็จในปี 2528 ใช้เวลา 9 ปี สิ้นการก่อสร้างทั้งสิ้น 75 ล้านบาท

 

 

ลักษณะพระมหาเจดีย์

พระมหาเจดีย์มีลักษณะทรงสี่เหลี่ยมตามแบบพุทธคยา ส่วนยอดเป็นทรงไทยแบบระฆังคว่ำมีความสูงทั้งสิ้น 94.78 เมตร จัดเป็นชั้น ๆ มี 14 ชั้น มีลิฟท์ไปถึงชั้นที่ 10 ตั้งชื่อเรียกเรียงตามลำดับจากชั้นที่ 1 ถึง ชั้นที่ 14 ดังนี้
ชั้นที่ 1 เป็นนครธรรม
ชั้นที่ 2 เป็นชั้นระเบียง ที่ตั้งศาลาพุทธบูชาพระพุทธรูปปางต่างๆ
ชั้นที่ 3 เป็นห้องสมุด
ชั้นที่ 4 เป็นห้องเรียนสำหรับพระปริยัติธรรม
ชั้นที่ 5 เป็นห้องเรียนสำหรับพระปริยัติธรรม
ชั้นที่ 6 เป็นห้องธุรการของโรงเรียนพระปริยัติธรรม
ชั้นที่ 7 เป็นสถาบันราชภัฏสวนสุนันทา ศูนย์ให้การศึกษาวัดธรรมมงคล
ชั้นที่ 8 เป็นสถาบันราชภัฏสวนสุนันทา ศูนย์ให้การศึกษาวัดธรรมมงคล
ชันที่ 9 เป็นพิพิธภัณฑ์ของโบราณ
ชั้นที่ 10 เป็นพิพิธภัณฑ์ของโบราณ
ชั้นที่ 11 เป็นพิพิธภัณฑ์ของโบราณ
ชั้นที่ 12 เป็นชั้นแสดงปฏิจจสมุปปบาท , อริยสัจ 4 และนั่งสมาธิ
ชั้นที่ 13 เป็นชั้นลอย
ชั้นที่ 14 เป็นชั้นสูงสุด ใช้ประดิษฐาน พระเกศาธาตุ พระอุรังคธาตุ และ
พระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

การรับพระบรมสารีริกธาตุ พระเกศาธาตุ และพระอุรังคธาตุ


รับพระบรมสารีริกธาตุครั้งแรก เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2517 จากท่านสันตะปะทะมหาเถระ เจ้าอาวาสวัดโค ตะมะวิหาร เมืองจิตตกอง บังกาลาเทศ จำนวน 5 องค์ รับพระบรมสารีริกธาตุครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519 จากพระวิสุทธ์นันทะมหาเถระ หัวหน้าพระสงฆ์ เถระนิกาย เจ้าอาวาสวัดธรรรมราชิกา นครดักก้า ประเทศ บังกาลาเทศ จำนวน 1 องค์ มีพุทธลักษณะกลม สีทอง แตกต่างจากองค์อื่นๆรับพระบรมสารีริกธาตุครั้งที่สาม ต่อมา ประเทศศรีลังกา โดยสมเด็จพระสังฆราชศรีลังกามหาเถระได้มอบพระเกศาธาตุ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอุรังธาตุ (คือพระบรมสารีริกธาตุส่วนอก) เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2522 และ 6 มกราคม พ.ศ. 2527 ตามลำดับพิธีและงานฉลองพระมหาเจดีย์เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2529 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ และสมเด็จพระเทพรัตน์สุดา สยามบรมราชกุมารีฯ ได้เสด็จมาวางศิลาฤกษ์ และในวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2525 สมเด็จพระบรมโอรษาธิราชสยามมกุฏราชกุมารฯ เสด็จพระราชดำเนินมา ยกฉัตรและบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอุรังคธาตุ และพระเกศาธาตุ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วัดธรรมมงคลได้กำหนดการฉลอง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2529 ถึง วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2536 สาธุชนทุกท่านร่วมการฉลองได้โดยทั่วกัน เพียงบริจาคปัจจัยจำนวน 500 บาท และเลือกเอาวันไดวันหนึ่งภายในระยะเวลาดังกล่าวนั้น ก็ได้เป็นเจ้าภาพในการฉลองครั้งนี้ด้วย

 

คำบูชาพระวิริยมงคลมหาเจดีย์ศรีรัตนโกสินทร์

พุทธบูชา มหาเตชะวันโต
ธัมมะบูชา มหัปปัญโญ
สังฆะบูชา มหาโภคะวะโห
อิจเจตัง รัตนนัตตะยัง
อะหังวันทามิ สัมพะทา
อะหังวันทามิ สัมพะโส
อะหังวันทามิ เกสาธาตุโย
อุรังคุธาตุโย ปะระมะสารีริกธาตุโย
รัตะนะโกสินะคะรังฐานัง วิริยะมังคะละมหาเจติยัง นมามิหัง

( พระเทพเจติยาจารย์ เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล )