" โลกนี้มีแต่คนน่ารัก"
มีคนเคยตั้งกระทู้ถามในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่งว่า คนไทยมีนิสัยไม่ดีอะไรบ้าง ปรากฏว่ามีคนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ต่างช่วยกันระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับนิสัยที่ไม่ดี ๆ ของคนไทยไว้มากมาย เรียกได้ว่าเยอะแยะเต็มไปหมด เครือข่ายฯอ่านแล้วก็ต้องยอมรับว่าเห็นด้วยทุกข้อ
ครับ .. ไม่น่าเชื่อว่าจิตใจของคนไทยเราจะเป็นแหล่งรวบรวมของความไม่ดีไม่งามทั้งหลายไว้ได้มากมายถึงเพียงนี้ !
แต่อันที่จริงแล้วคนไทยมีนิสัยที่ดี ๆ น่ารัก ๆ มากยิ่งกว่านิสัยไม่ดีอีกนะครับ ทีนี้เราไม่รู้จักมองกันเอง มัวแต่ไปมองส่วนที่ไม่ดีของเพื่อนคนไทยด้วยกัน จิตใจก็เลยพลอยเกิดความเศร้าหม่นหมองไปด้วย โลกรอบ ๆ ตัวเลยกลายเป็นโลกที่ไม่น่าอยู่ เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่คนไม่ดีเต็มไปหมด ( บางคนถึงกับหมดหวังเมืองไทย คิดจะย้ายหนีไปอยู่เมืองนอกกันก็มี )
อย่ากระนั้นเลยวันนี้เครือข่ายชาวพุทธฯ ขอเสนอวิธีมองคนรอบ ๆ ตัวแบบสร้างสรรค์ ด้วยวิธีมองแบบพุทธ ทำให้คนรอบ ๆ ตัวของท่านกลายเป็นคนน่ารักทุก ๆ คน เป็นวิธีมองที่ทำให้เรามีความเป็นมิตรกับทุก ๆ คน คิดให้อภัย และ คิดปรารถนาดีต้องการช่วยเหลือให้เพื่อนมนุษย์พ้นจากปัญหาทั้งปวง
มาช่วยกันคิดให้เกิดกุศลนะครับ เพื่อสังคมไทยของเราจะได้เป็นสังคมแห่งมิตรภาพ มีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดไป
วิธีที่ ๑ มองเพื่อนมนุษย์แต่ในส่วนที่ดี ไม่ว่าพบปะกับใครให้ มองในส่วนที่ดีๆของเขาไว้ก่อน ส่วนที่ไม่ดีเอาไว้ค่อยพิจารณากันที่หลัง ( เพื่อช่วยแก้ไข)
ตัวอย่างที่ ๑ คุณแจ๋วชอบนินทาเพื่อนร่วมออฟฟิสเป็นประจำ โดยเฉพาะชอบนินทาคุณปุ๊กเลขาหน้าห้อง แต่แทนที่คุณปุ๊กจะโกรธ เธอกลับนิยมยกย่องคุณแจ๋วกับเพื่อนร่วมงานเสมอว่า คุณแจ๋วร้องเพลงเสียงเหมือนมาช่ามาก แหม..ประทับใจมากเลย ดู ๆ แล้วคุณปุ๊กเธอไม่ได้ถือสานิสัยช่างนินทาของคุณแจ๋วเลยแม้แต่น้อย มองคุณแจ๋วแต่ในแง่ดีอยู่เสมอ
ตัวอย่างที่ ๒ คุณกระดี่มีนิสัยชอบขโมยเล็กขโมยน้อย เพื่อน ๆคนไหนเผลอไม่ได้เป็นโดนคุณกระดี่จิ๊กสมุด ปากกา เป็นประจำ ใคร ๆ ต่างรังเกียจคุณกระดี่กันทั้งมหา ' ลัย ยกเว้นคุณเต๋าที่กลับบอกว่าแกกลับชอบคุณกระดี่ เพราะคุณกระดี่แกมีมีสัยอ่อนน้อมถ่อมตน พูดจาอ่อนหวาน คุณเต๋าบอกว่านี่ถ้าแก้ไขนิสัยขโมยได้เมื่อไหร่ รับรองว่าคุณกระดี่จะต้องเป็นที่รักของทุก ๆ คนได้อย่างแน่นอน
ตัวอย่างที่ ๓ คุณปิ๋วขี้เกียจเหลือกำลัง วัน ๆ เอาแต่นอน บ้านช่องไม่ดูแล สามีของเธอกลับมาจากทำงาน เห็นบ้านรก ๆ ก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน แต่สามีของเธอกลับมักจะยกย่องคุณปิ๋วให้เพื่อนบ้านฟังอยู่เป็นเสมอว่า เธอทำกับข้าวอร่อยมากเลยทีเดียว อีกทั้งเอาใจก็เก่ง เป็นต้น
วิธีที่ ๒ มองเพื่อนมนุษย์ทุกคนว่าล้วนมีคุณความดีอยู่ในตัว คือ คนบางคนถึงจะเลวร้ายอย่างไร เขาก็ยังมีความดีคอยยับยั้งใจอยู่บ้าง คือ มีน้อยคนที่จะสามารถเลวได้ถึงที่สุดจริง ๆ
ตัวอย่างที่ ๑ นายเอ๋ง ขี้เมาประจำซอย วันไหนเมา ชอบทำปากคอระรานตะโกนด่าชาวบ้านเป็นประจำ แต่ชาวบ้านที่นี่ก็ใจดีเหลือหลาย บอกว่ายังดีที่มันไม่ไปทะเลาะวิวาทกับใคร คือเมาแล้วแค่ปากเสียเท่านั้นเอง นับว่านายเอ๋งยังมีนิสัยที่ไม่แย่เกินไปนัก
ตัวอย่างที่ ๒ หนังสือพิมพ์ฉบับนี้แย่มาก ลงแต่รูปโป๊ ๆ รายงานแต่ข่าวรุนแรง และ ข่าวงมงาย แต่เครือข่ายฯ ว่าก็ยังดีนะที่หนังสือพิมพ์ฉบับนี้บางหน้ายังมีบทความสร้างสรรค์ คือ ยังไม่เลวไปเสียหมด
ตัวอย่างที่ ๓ โจรเข้าปล้นบ้านนายดุ่ยจนหมดเนื้อหมดตัว แต่แทนที่นายดุ่ยจะโกรธแค้นกลับเห็นความดีของโจรว่ายังดีที่มันไม่ฆ่าเราตาย นับว่าโจรคนนี้ยังมีจิตใจ เมตตากรุณาหลงเหลืออยู่ นายดุ่ยรู้สึกซาบซึ้งน้ำใจของโจรคนนี้มากที่ไว้ชีวิต ( แต่ขอไปแจ้งความตามหน้าที่ก่อนนะ)
วิธีที่ ๓ มองเพื่อนมนุษย์ด้วยความศรัทธา คือ ให้มีความศรัทธาในตัวมนุษย์ มองมนุษย์ด้วยความเชื่อมั่นว่า สักวันหนึ่งเขาจะต้องดีกว่านี้แน่
ตัวอย่างที่ ๑ นายเกมีนิสัยเลวมาก มองอย่างไร ๆ ก็ไม่เจอส่วนที่ดีสักนิดเดียว ชาวบ้านต่างเอือมระอาเหลือทน แต่ผู้ใหญ่บ้านกลับเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งเจ้าเกมันจะต้องกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีได้อย่างแน่นอน แกจึงรับปากกับชาวบ้านว่า จะเรียกเจ้าเกมาอบรมและให้กำลังใจมันเป็นประจำ เพื่อทำให้มันเป็นคนดีของสังคมสักวันหนึ่ง
ตัวอย่างที่ ๒ คุณโด่งเกียรติ มีลูกชายอยู่คนหนึ่ง เป็นปัญญาอ่อน แต่แทนที่คุณโด่งเกียรติจะรู้สึกเสียใจ กลับมองลูกชายด้วยความเชื่อมั่นว่า แม้ลูกจะ ปัญญาอ่อน แต่คุณโด่งเกียรติมั่นใจว่าเขาสามารถที่จะให้การศึกษาลูกให้เป็นคนดีของสังคมได้อย่างแน่นอน
ตัวอย่างที่ ๓ เขาว่าคนไทยทำงานร่วมกันเป็นทีมไม่ได้ ชอบทะเลาะกันเอง ชอบกิน-เที่ยว-เล่น เป็นทาสวัตถุนิยม ฯลฯ แต่เครือข่ายฯ กลับมีความเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งคนไทยจะรักใคร่สามัคคีกัน คนไทยจะมีความใฝ่รู้ใฝ่สร้างสรรค์ มีความเป็นเลิศทางวิชาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้ทางพุทธธรรม คนไทยจะมีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา ใช้วัตถุเทคโนโลยี่ด้วยความรู้เท่าทันกว่าชาติอื่นใด เป็นต้น
วิธีที่ ๔ มองเพื่อนมนุษย์ด้วยความเข้าใจและเห็นใจ คือ พิจารณาว่าถ้าเราเป็นเขา เราก็ต้องทำตัวอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะมีเหตุปัจจัยมากมายมาปรุงแต่งให้ชีวิตของเขาเป็นอย่างนั้น คิดแล้วก็เกิดความเห็นอกเห็นใจ และให้อภัย
ตัวอย่างที่ ๑ นางสาวแจ๋วชอบทำตัวน่าเบื่อหน่ายในหมู่เพื่อน ๆ เป็นประจำ คุณสมคิดไม่ค่อยจะชอบนิสัยเท่าใดนัก แต่คุณสมคิดมานึกอีกที หากเขาเป็นนางสาวแจ๋วที่จะต้องเติบโตในครอบครัวที่ไม่ดี มีชีวิตอยู่ในสภาพสังคมที่แย่ๆ เขาก็อาจจะต้องทำตัวอย่างนางสาวแจ๋วนี้เหมือนกัน คุณสมคิดนึกดูแล้วก็รู้สึกเห็นใจนางสาวแจ๋วขึ้นมาทันที
ตัวอย่างที่ ๒ คุณสมบูรณ์ถูกตำรวจทุจริตรีดไถกลางวันแสก ๆ คุณสมบูรณ์รู้สึกแค้นมาก แต่มาคิดอีกทีว่าถ้าหากแกเป็นจ่าคนนั้น จ่าแกอาจจะได้รับความกดดันจากเจ้านาย ครอบครัว สังคมที่ฟุ้งเฟ้อ ฯลฯ ทำให้แกต้องทำทุจริตอย่างนั้น คิดแล้วก็รู้สึกเข้าใจ และเห็นใจขึ้นมาบ้าง
ตัวอย่างที่ ๓ นายมั่วเมายาบ้าจับเด็กเป็นตัวประกัน เชือดคอเด็กจนตาย คุณจรูญได้ทราบข่าวทางโทรทัศน์ตอนแรกก็รู้สึกแค้นใจมาก แต่มาคิดอีกทีว่าหากเขาเป็นนายมั่ว เขาก็อาจจะเจอกับสภาพสังคมที่กดดันจนต้องไปติดยาบ้าและในที่สุดก็ต้องเกิดความคลุ้มคลั่งเหมือนๆ กัน คิดแล้วก็รู้สึกเห็นใจเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายที่ต้องประสบความทุกข์ด้วยกันเช่นนี้
วิธีที่ ๕ มองเพื่อนมนุษย์ด้วยความเมตตา พระพุทธเจ้าสอนให้ชาวพุทธมองเพื่อนมนุษย์ด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกับมารดามองเห็นบุตรของคนเอง วิธีการมองเช่นนี้ ทำให้จิตใจของชาวพุทธเกิดความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์นั่นเอง
ตัวอย่างที่ ๑ นายเหิ่มนักเลงอันธพาลคุมซอย ชอบวางโตเที่ยวท้าคนชกต่อยเป็นประจำ ใคร ๆ ก็เกลียดนายเหิ่มกันทั้งซอย ยกเว้นคุณป๋องคนเดียวที่ไม่รู้สึกเกลียดนายเหิ่มแม้แต่น้อย เพราะทุกครั้งที่คุณป๋องเห็นนายเหิ่ม คุณป๋องจะนึกภาพในใจเห็นนายเหิ่มเป็นเด็กเล็ก ๆ น่ารัก น่าเอ็นดู คนหนึ่ง การนึกเช่นนี้ทำให้คุณป๋องเกิดความเมตตา และให้อภัยในความเป็นอันธพาลของนายเหิ่ม
ตัวอย่างที่ ๒ ท่านผ.อ. ดุมาก ใคร ๆ ก็กลัวกันทั้งออฟฟิส ยกเว้นคุณวรรณาเลขาประจำตัวที่ไม่กลัวท่าน ผ.อ. เลยแม้แต่น้อย เพราะทุกครั้งที่คุณวรรณาเห็นท่าน ผ.อ. คุณวรรณาจะนึกเห็นท่านเป็นเด็กเล็ก ๆ น่ารักคนหนึ่ง ทำให้คุณวรรณามีความรู้สึกรักเหมือนมารดาเอ็นดูบุตร ความน่ากลัวของท่าน ผ.อ. เลยค่อย ๆหมดไป กลายเป็นความน่ารักมาแทนที่
วิธีที่ ๖ มองเห็นความดีที่เขาเคยทำไว้แก่เรา ตามหลักพุทธศาสนาท่านบอกว่า คนเราทุกๆคนล้วนแต่เคยสร้างบุญคุณต่อกันไว้ทั้งนั้น ไม่มากก็น้อย ดังนั้นจึงควรระลึกถึงความดีที่เคยทำต่อกันไว้ จะได้ไม่โกรธเกลียดชังกัน
ตัวอย่างที่ ๑ คุณชาติชายโกรธคุณปื๊ดมาก เพราะคุณปื๊ดยืมเงินไป ๕๐๐ แล้วไม่ยอมใช้คืน แต่พอคุณชาติชายนึกถึงตอนที่คุณปื๊ดเคยมาช่วยขนของตอนย้ายบ้านมาใหม่ๆ แล้วก็รู้สึกประทับใจในน้ำใจของคุณปื้ดครั้งนั้น เลยโกรธไม่ลง ให้อภัย ไม่ถือโทษอีกต่อไป
ตัวอย่างที่ ๒ คุณอิ๋วทักทายคุณอ้วน แต่คุณอ้วนไม่ยอมทักตอบ ทำหน้าบึ้งเดินเฉย คุณอิ๋วโกรธมาก แต่เมื่อคุณอิ๋วนึกถึงตอนคุณอ้วนเคยเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวผัดไทยตนเองเมื่อปีที่แล้วหนึ่งจาน เลยทำให้คุณอิ๋วนึกเห็นบุญคุณ จึงเตือนตัวเองว่าเขาเคยเลี้ยงดูเรามาก่อน ( แม้จะเพียงอาหารเพียงหนึ่งจานก็สุดแสนจะประทับใจแล้ว ) ดังนั้นเราไม่ควรโกรธคนที่เคยมีบุญคุณต่อเรา
ตัวอย่างที่ ๓ คุณเฉี่ยวไม่พอใจมากที่ผู้จัดการอารมณ์เสียโวยวายเรื่องทำงานไม่เสร็จเมื่อเช้านี้ ทั้งๆที่แกทำงานเต็มที่แล้ว แต่มานึกอีกที ผู้จัดการก็มีบุญคุณกับคุณเฉี่ยว เพราะถ้าผู้จัดการไม่จ้างคุณเฉี่ยวทำงาน เห็นทีคุณเฉี่ยวและครอบครัวจะต้องลำบากแน่ๆ นึกถึงความดีตรงนี้แล้ว คุณเฉี่ยวก็ไม่กล้าโกรธอีกต่อไป |