เคารพความเป็นส่วนตัว

 
 
 



คู่สมรสที่อยู่กันนานพอควรมักจะละเลยหรือมองข้ามความเป็นส่วนตัวของคู่ได้เสมอ เหตุเพราะต่างก็คิดว่า เมื่อเป็นสามีภริยากันแล้วอะไรๆ ก็เหมือนกับการเป็นคนเดียวกันนั่นเอง ของสิ่งใดเป็นของเธอก็เหมือนของฉัน เรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตื้นลึกหนาบางกว้างแคบเท่าใด ก็เป็นจ้องขอรับรู้ด้วย หรือเข้าไปสอดตาดูรูหูฟังให้ได้ ความคิดเห็นการละเมิดสิทธิ์แบบนี้ มักจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่พอใจขึ้นได้ ทั้งยังอาจลุกลามกลายเป็นเรื่องขัดเคือง ถึงกับกล่าวหาว่าไม่มีสมบัติผู้ดีติดตัวมาก็ได้

อรทัย แม่บ้านผู้หญิงเคยเล่าว่า เธอโกรธสามีมากเพราะทุกครั้งที่เธอรับโทรศัพท์คุยกับใครก็ตาม พอวางหูโทรศัพท์สามีก็ซักไซ้ไล่เลียงกับเธอทันทีว่า ใครโทรศัพท์มาพูดเรื่องอะไรกัน ฯลฯ ซึ่งอันที่จริงก็อาจจะเป็นคำถามที่สามีอยากรู้ แต่การซักถามอย่างเอาจริงเอาจัง และเอาเรื่องเหมือนกันตำรวจสอบสวนผู้ต้งอสงสัยแบบเอาเป็นเอาตาย และถามซ้ำซากบ่อยครั้งเพื่อจับผิดแบบนี้ก็น่าสงสัยแกมรำคาญว่าสามีต้องการทราบอะไร เขาอยากรู้จริงๆ หรือเขาเกิดความหึงหวง ไม่ไว้วางใจตัวเธอเหมือนสามีของหญิงบางคน ที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง ความไม่พอใจที่สามีชอบถามชอบยุ่งในเรื่องโทรศัพท์ของเธอเช่นนี้ อรทัยก็เลยเสแสร้ง แกล้งบอกชื่ออดีตแฟนของเธอ แล้วเรื่องไม่ควรเป็นเรื่องก็เกิดขึ้นจนได้ ทั้งคู่ทะเลาะกันและไม่พูดจากันไปหลายวัน จนกระทั่งความจริงปรากฏว่า พี่ชายของเธอโทรศัพท์มาเกี่ยวกับธุระบางอย่าง

ฝ่ายแม่บ้านเองก็เช่นกัน อาจจะเกิดความคิดที่ว่า "ฉันเป็นเมีย ย่อมมีสิทธิ์ที่จะรับรู้ทุกอย่างของสามี" ซึ่งนับเป็นความคิดที่ไม่ถูกนัก คู่สมรสต้องรู้จักเคารพในความเป็นส่วนตัวของกันและกัน เช่น บางคนติดนิสัยอ่านหนังสือก่อนเข้านอน และไม่ต้องการให้ใครรบกวน บางคนเวลานอนไม่ต้องการให้ใครทำเสียงดัง หรือเปิดไฟอ่านหนังสือ ไม่ชอบให้ใครรื้อค้นข้าวของที่เขาเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัว เช่น สมุดบันทึก จดหมายของที่เก็บไว้ในลิ้นชัก หรือสิ่งของที่เขาใช้เองเป็นประจำ เช่น สบู่ หวี แปรง แก้วน้ำ แม่บ้านก็พึงรู้ว่าสิ่งใดที่เขาไม่ชอบให้ใครเข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่ควรไปหยิบ จับหรือจัด หรือถือโอกาสเปิดจดหมายส่วนตัวออกอ่าน หากเขาไม่อนุญาต นอกจากจะเสียมารยาท แล้วยังดูเหมือนว่าไม่มีความเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นด้วย

แม่บ้านผู้หนึ่งเล่าให้เพื่อนของเธอฟังหลังจากเกิดเรื่อง กล่าวคือ ด้วยความอยากรู้เธอได้เปิดจดหมายของสามีอ่านและสามีจับได้ เขาจึงโกรธมากถึงกับเอ่ยว่า "ช่างไม่มีสมบัติผู้ดีเสียเลย" ทำเอาทั้งคู่ทะเลาะกันเป็นการใหญ่ เรื่องทำนองนี้เป็นเรื่องแก้ตัวได้ยาก โดยแท้จริงจดหมายนั้นก็มิได้เป็นจดหมายลึกลับหรือปกปิดอะไร เป็นเพียงจดหมายเพื่อนหญิงคนหนึ่ง ที่เคยสนิทสนมกันสมัยเป็นนักศึกษา และเขียนมาเล่าสารทุกข์สุกดิบให้ฟัง แต่แม่บ้านเคยระแวงอยู่แล้วก็เลยขาดสติยั้งคิดเรื่องมารยาทอันดีงามเพราะความอยากรู้ เรื่องนี้ถ้าหากว่าทั้งคู่ไม่มีลูกยึดเหนี่ยวก็คงแตกหัก ชีวิตสมรสล่มสลายเป็นแน่ เพราะสามีถึงกับพูดใส่หน้าว่า "ผมทนความไม่มีมารยาทแบบนี้ไม่ไหว"

การรู้จักเคารพความเป็นส่วนตัวของกันและกันเป็นสิ่งที่คู่สมรสพึงปฏิบัติ เพื่อยุดชีวิตคู่ให้ยาวนาน และหากรู้ตัวว่าตัวทำผิดก็ควรขอโทษ แทนการจะย้ำซ้ำๆ ว่า ตนมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรๆ ได้ในฐานะที่เป็นคู่ชีวิต
ส.อินทรสุขศรี