เปิดจดหมายแม่ตัดพ้อลูก น้อยใจยิงตัวตายประชด

วันที่ 22 พฤษภาคม 2546 พนักงานและแขกในโรงแรมดิเอมเมอรัลด์ ย่านรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ ต้องตกตะลึงกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อนางปณัสยา เอี่ยมสกุล ที่ตัดสินใจใช้อาวุธปืนขนาด . 38 ยิงตัวเองหลังจากตามหาลูกชาย-ลูกสาวที่หายหน้าไปนานแรมเดือนแต่ไม่พบตัว แต่ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้นางปณัสยาได้เขียนจดหมายถึงลูกทั้งสองคน มีเนื้อหาตัดพ้อและน้อยอกน้อยใจปะปนกัน

 

เนื้อหาในจดหมายฉบับดังกล่าวระบุว่า ถึงลูกที่แม่รักยิ่งกว่าชีวิตของแม่ แม่กลับมาจากที่ทำงานตี 2 ไขประตูเข้าไปไม่มีลูกทั้งสอง แม่เข่าอ่อนทรุดลง เพราะคิดว่าลูกออกไปกินข้าวกันแล้วโดนจับคุมขัง หรือมีอันตรายอย่างอื่น เพราะลูกแม่จะออกไปไหนจะบอกแม่ทุกครั้ง จนกระทั่งมี รปภ.มาบอกว่า ลูก 2 คนพี่น้องพากันหนีแม่ไปแล้ว แม่ก็ออกไปแจ้งความตั้งแต่ตอนตี 2 ถึงสว่าง แต่ละวันที่หมดไปเพราะแม่ติดตามหาลูก ทุกอพาร์ตเมนต์ แม่ตามหาหมด

 

แม้กระทั่งโรงแรมบางกอกแม่ก็ไปมาเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร แบบนั้น เรามีกันอยู่ 3 คนแม่ลูก แม่เป็นห่วงลูกเกินไป ทำให้ลูกเกิดความรำคาญ แต่แม่คนนี้ก็เป็นห่วงอย่างนี้เสมอมา ลูกเองก็รู้ เหตุใดถึงมาโกรธแม่ตอนนี้ แล้วทิ้งแม่ไปแบบนี้ เราคุยกันมาตลอดเวลา หากเกิดอะไรขึ้นกับลูก แม่คนนี้ก็อยู่ไม่ได้แล้ว ที่อยู่ไม่ได้เพราะเราผูกพันกันมาก ชีวิตของแม่แขวนไว้กับลูกเท่านั้น

 

หากลูกทำแบบนี้ลูกคิดว่ามันสนุก แต่ที่แท้ลูกทั้งสองกำลังรุมกันฆ่าแม่ของตัวเองอยู่ แม่ร้องไห้ตามหาลูก แต่อีกมุมหนึ่งอาจจะน่าหัวเราะกันด้วยความสะใจ หน้าที่การงานบีบบังคับแม่ แม่ต้องทำงานเลิกตี 2 กลับมาไม่มีลูกนอนกลิ้งกัน เหมือนกับแม่เดินเข้าประตูป่าช้า แม่รอคอยโทรศัพท์ของลูก ไม่เคยมีสักกริ๊งหนึ่ง ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังนึกว่า เป็นลูกทุกครั้ง แต่มันไม่ใช่ มันเป็นเสียงเพื่อนของแม่ ที่โทรมาสอบถามว่า เจอลูกหรือยัง แม่ต้องการได้ยินเสียงของลูก แต่ลูกเห็นแม่ไม่มีความสำคัญกับลูกอีกแล้ว

 

การจากไปครั้งนี้ของลูก ทำให้แม่ขวัญเสีย เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ลูกคงคิดว่า แม่คนนี้เคยสูญเสียเงินทอง เสียของที่แม่รัก เช่น เครื่องเพชรของเก่า เสียคุณพ่อของลูก แม่คนนี้คงเก่งและทำใจได้ทุกอย่างแต่มันไม่ใช่ ที่แม่สูญเสียทุกอย่างได้ เพราะมีลูก 2 คนอยู่เป็นกำลังใจ ของอื่นๆ มันเป็นของใช้ แม้แต่คุณพ่อของลูก ที่ร่ำรวยมหาศาล แม่ก็ไม่ต้องการ แม่ต้องการคือ ลูกของแม่เท่านั้น ลูกถึงไม่เมตตาแม่บ้าง

 

พ่อทิ้งลูกไปตั้งแต่ 1 ขวบ แม่เลี้ยงลูกมาจนอายุ 20 แม่ไม่เคยทิ้งลูกไปไหน ถึงให้แม่ขายชีวิตเลี้ยงลูก แม่ก็ทำได้ แม่สำคัญตัวผิด คิดว่าลูกก็รักแม่เหมือนกัน แต่มันไม่ใช่ แม่ดุด่า ตามประสาของแม่ ลูกไม่เคยถือสาแม่เลย ทำให้แม่สลดใจ และพยายามต่อลูกทุกๆ อย่าง แต่เพราะเหตุใดไม่รู้ ลูกซึ่งใช้สายตามองแม่แปลกๆ

 

ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา แม่ก็ไม่ได้ถามลูกว่าเป็นอะไร เห็นแม่ตัวร้อนแม่ก็เช็ดตัวให้ลูก ลูกก็ไม่พอใจ นอนดิ้นแล้วก็คลุมโปงหนีแม่ แม่พูดอะไรไม่ถูกหูสักอย่าง แม่มาคิดทีไรน้ำตาแม่ไหลทุกครั้ง หากลูกคิดว่าพ่อของลูกที่เป็น มหาเศรษฐีอยู่เมืองจันท์เขาเป็นคนดี แต่แม่ก็กีดกันไม่ให้อยู่กับพ่อ มันไม่ใช่นะลูก หากแม่ปล่อยลูกทิ้งไว้กับคุณพ่อ ป่านนี้ลูกคงโดนขังไปแล้ว เพราะผู้หญิงคนใหม่ของพ่อ เป็นคนจิตทราม ทำได้ทุกอย่าง รวมทั้งตัวคุณพ่อของลูกเอง เงินบาทหนึ่งก็ไม่เคยหยิบยื่นให้ลูก ลูกจะตายไปแล้วหรือยังอยู่ ไม่รับรู้

 

ผู้หญิงคนใหม่ของพ่อเขาที่เคยส่งคนมาเก็บลูกทั้งสองของแม่ รวมทั้งตัวแม่ด้วย แต่แม่นำเรื่องขึ้นกองปราบปราม ให้ท่านผู้บังคับการและ ท่านสารวัตรช้างช่วยแม่จึงรอดกลับมา จนถึงทุกวันนี้ เพราะเรื่องถึงกองปราบ เขาจึงไม่กล้าฆ่าลูก รวมทั้งตัวแม่ด้วย ตอนนั้นลูกยังเล็กอยู่ พอลูกโตขึ้นลูกก็ยังจำสารวัตรช้างได้ดี

 

กราบเรียนท่านประธานที่เคารพอย่างยิ่งที่เอ็นดูเมตตาครอบครัวของเรา ให้ทั้งที่ทำงานและที่ปรึกษา และตามหาลูกให้ด้วยการโทรไปรบกวนท่านบ่อยๆ ท่านก็ไม่ถือสาเอาโทษเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กราบให้อภัยตั้มด้วยนะคะ สาเหตุทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นเพราะลูก 2 คนนี้ ที่ประมาณหัวใจของแม่ตัวเอง คิดว่าแม่ไม่กล้าทำ

 

ในเมื่อลูกไม่ต้องการแม่คนนี้แล้ว แม่ก็ขอสังเวยชีวิต ให้ลูกทั้งสองที่แม่รักยิ่งกว่าชีวิตของแม่เอง แม่รอคอยลูกมา 41 วันแล้ว ลูกก็ไม่ติดต่อแม่ ทำให้แม่รู้และคิดได้แล้วว่า ลูกทิ้งแม่ไปจริงๆ แม่เป็นผู้ให้ชีวิตลูก แต่ลูกทั้งสองเอาชีวิตของแม่ สุดท้ายนี้ตั้มขอฝากลูกทั้งสองไว้ในการดูแล ของท่านประธานด้วยนะคะ เพราะเขาไม่มีใครเลยมีแม่เพียงคนเดียว ขอให้ลูกทั้งสองดูแลซึ่งกันและกัน และรักกันให้มากๆ จากแม่ที่รักลูกสุดหัวใจ ขอบพระคุณเพื่อนทุกๆ ท่านที่หวังดีประสงค์ร้าย