บาป 7 ประการ


เชื่อหรือไม่ครับ ตอนนี้มีผู้ที่ชื่นชอบหลงไหลกับความเสี่ยงเริ่มที่ฝันหวานไปไกล ถึงขนาดวาดวิมานในอากาศว่าตัวเองถูกหวยหงส์พร้อมกับจดรายการยาวเหยียดถึงสิ่งที่จะซื้อมีคนเคยบอกว่า คนที่ชอบเสี่ยง (จริงๆ แล้วคือนักการพนัน) มักจะคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า ทุกครั้งที่เขาเสี่ยงคือได้ ไม่มีนักเสี่ยงคนไหนคิดว่าตัวเองจะเสีย ทำให้พวกเขากล้าที่จะทุ่มแบบหมดหน้าตัก ทั้งๆ ที่บนตักมีแต่ความว่างเปล่า
ท่านมหาตมะ คานธี ได้กล่าวไว้ถึง "บาป 7 ประการ" ในหนังสือข้าพเจ้าทดลองความจริง : อัตชีวประวัติของมหาตมาะ คานธี (The Story of My Experiments with Truth) ไว้อย่างน่าคิดโดยอาจารย์กรุณา-เรืองอุไร กุศลาสัย ถอดความไว้เป็นภาษาไทยที่สละสลวยงดงาม ดังนี้ครับ


Politics without principles.
เล่นการเมืองโดยไม่มีหลักการ


Pleasure without conscience.
หาความสุขสำราญโดยไม่ยั้งคิด


Wealth without work.
ร่ำรวยเป็นอกนิษฐ์โดยไม่ต้องทำงาน


Knowledge without character.
มีความรู้มหาศาลแต่ความประพฤติไม่ดี


Commerce without morality.
ค้าขายโดยไม่มีหลักศีลธรรม


Science without humanity.
วิทยาศาสตร์เลิศล้ำแต่ไม่มีธรรมแห่งมนุษย์


Worship without sacrifice.
บูชาสูงสุดแต่ไม่มีความเสียสละ


คุณคิดว่าคนที่นิยมเล่นการพนันเข้าลักษณะบางประการของบาปในทัศนะของท่านคานธีหรือเปล่าครับ และหากคิดให้ลึกซึ้งขึ้นไปอีกผู้ที่นิยมเล่นการพนันแทบมีคุณสมบัติครบทั้ง 7 ประการ


ไม่เชื่อคุณลองสังเกตคนข้างเคียงของคุณที่ชอบเล่นการพนันดูสิครับ พวกเขาเหล่านั้นมักจะใช้จ่ายเงินแบบขาดสติด้วยเพราะเงินที่หามาง่ายและมาก ต่างจากคนที่ทำงานกว่าจะได้เงินต้องใช้ทั้งความคิด ทักษะ และความพยายาม


ผมไม่แน่ใจว่าเคยมีนักวิชาการท่านใดทำวิจัยเกี่ยวกับอาชีพของผู้ที่นิยมเล่นการพนันหรือไม่ แต่หากให้ผมสรุปจากสิ่งที่พบเห็นทั้งจากการอ่านและได้ยิน ส่วนใหญ่แล้วคนที่นิยมเล่นการพนันจะไม่ประกอบอาชีพใดๆ หรือเคยประกอบอาชีพแต่ท้ายที่สุดละทิ้งงานการประจำ หันมาเล่นการพนันเต็มตัว โดยมีอาชีพเป็นนักการพนัน


ด้วยเหตุผลง่ายๆ ครับ เงินได้มาง่าย และที่สำคัญเป็นเงินก้อนโต จึงมองข้ามเงินเดือนแต่ละเดือนที่เปรียบเทียบแล้วดูน้อยนิด ไม่คุ้มค่าเหนื่อย
โดยหลงลืมไปว่ามีได้ต้องมีเสีย และมักจะเสียมากกว่าได้
เล่นการพนันถือเป็น 1 ใน 6 ของอบายมุขตามหลักพุทธศาสนาที่ระบุไว้คือ ดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน เที่ยวดูการละเล่น เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร และเกียจคร้านการทำงาน


เล่นการพนันยังก่อให้เกิดโทษ 6 ประการคือ เมื่อชนะย่อมก่อเวร เมื่อแพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป ทรัพย์ย่อมฉิบหาย ไม่มีใครเชื่อถ้อยคำ เป็นที่หมิ่นประมาทของเพื่อน และไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย
หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าความหมายที่แท้จริงของอบายมุขคือ ปากทางแห่งความเสื่อม เนื่องจากมันเป็นปากทาง เราจึงมักมองไม่เห็นความเสื่อม เพราะตัวความเสื่อมจริงๆ มันอยู่ปลายทาง


จนถึงวันนี้ยังมีคนไทยหลายคนฝันเฟื่องไปกับการเล่นหวย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าทางที่เดินไป ปลายทางคือเหว (นรก)
อบายมุขซึ่งเป็นปากทางแห่งความฉิบหายนี้ ดูเผินๆ ก็ไม่มีพิษสงอะไร เที่ยวกลางคืนก็สนุกดี เล่นการพนันก็เพลิดเพลินดี แต่ก็ทำให้ผู้ประพฤติทำการงานไม่สำเร็จ เสื่อมไปจากความเจริญก้าวหน้าและกุศลธรรม ทั้งหลาย ที่ถึงกับฉิบหายขายตัวไปแล้วก็มากต่อมาก อบายมุขจึงเป็นเสมือน หน้าตา สัญลักษณ์ของความเสื่อม บุคคลใดยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขก็รู้ได้ทันทีว่า ผู้นั้นมีความเสื่อมเกิดขึ้นแล้ว
รีบถอนตัวจากเหวนรก ก่อนจะสายครับ!