ปราชญ์ผู้ทรงศีล : มากรักมักโศก



เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ ณ พระเชตวัน สุทัตตี หลานสาวอันเป็นที่รักของนางวิสาขาได้เสียชีวิตลง เมื่อได้สั่งให้

ฝังศพหลานสาวแล้ว นางวิสาขาก็ยังเศร้าโศกเสียใจอยู่ จึงไปเฝ้าพระศาสดา ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่อันสมควร
พระศาสดาตรัสว่า วิสาขา ทำไมเธอจึงมีความทุกข์ใจเสียใจ มีหน้าชุ่มด้วยน้ำตา นั่งร้องไห้อยู่ นางจึงทูลเรื่อง

หลานสาวให้ทรงทราบ แล้ว กราบทูลว่า นางกุมารีนั้นเป็นที่รักของหม่อมฉัน เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยวัตร บัดนี้หม่อมฉันไม่

เห็นใครเช่นนั้น
พระศาสดา : วิสาขา ก็ในกรุงสาวัตถีมีมนุษย์ประมาณเท่าไร
วิสาขา : มีประมาณ 7 โกฏิ พระเจ้าข้า
พระศาสดา : ก็ถ้าชนทั้งหมดนี้ พึงเป็นเช่นกับหลานสาวของเธอไซร้ เธอพึงปรารถนาเขาหรือ
วิสาขา : อย่างนั้น พระเจ้าข้า
พระศาสดา : ก็ชนในกรุงสาวัตถีตายวันละเท่าไร
วิสาขา : มาก พระเจ้าข้า
พระศาสดา : เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอคงจะเศร้าโศกเสียใจจนต้องเที่ยวร้องไห้อยู่ทั้งกลางวันและกลางคืนทีเดียว
วิสาขา : หม่อมฉันทราบแล้ว พระเจ้าข้า
พระศาสดา : ถ้ากระนั้น เธออย่าเศร้าโศกเลย ความโศกย่อมเกิดแต่ความรัก ภัยย่อมเกิดแต่ความรัก ความโศก

ย่อมไม่มีแก่ผู้พ้นแล้วจากความรัก ภัยจักมีมาแต่ไหน
(อรรถกถาธรรมบทภาค 6 เรื่องนางวิสาขา อุบาสิกา)
ความโศกย่อมเกิดจากความรัก ถ้ามีความ รักมาก ก็มีความโศก มากเป็นเงาตามตัว นางวิสาขาต้องรับภาระ

ความแก่ ความเจ็บ ความตายของตนเองเป็นภาระที่หนักมากอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่รู้สึกตัว ยังไปรักใคร่ห่วงใยบุตร

หลานจำนวนมากของตน ต้องรับภาระความแก่ ความเจ็บ ความตายของคนอื่นๆ อีก ลองคิดดูเถิดว่าเป็นภาระหนัก

ปานใด ถ้าไม่มีความรักเลยก็ไม่มีความโศก เพราะฉะนั้น ต้องประหยัดความรักให้มาก ก่อนจะรักใครชอบใคร ก็ขอ

ให้เตือนตนว่า

ถ้ารักน้อย ทุกข์น้อย ค่อยคลายใจ ถ้าไม่รัก หมดทุกข์ สุขยั่งยืน