พ.ศ.๒๔๔๔
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองคณะสงฆ์ขึ้น นับเป็นพระราชบัญญัติปกครองคณะสงฆ์ฉบับแรกของไทย
๕ พฤษภาคม ๒๔๔๔
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จประพาสชวาครั้งที่ ๓ เพื่อทรงนำแบบอย่างของต่างประเทศมาปรับปรุงบ้านเมืองไทย การเสด็จครั้งนี้ ตั้งแต่ ๕ พฤษภาคม ถึง ๒๔ กรกฎาคม ๒๔๔๔ รวม ๘๐ วัน
๒๓ กรกฎาคม ๒๔๔๔
ประกาศใช้ ทุ่ม โมง ยาม
๑๘ กันยายน ๒๔๔๔
ตัดถนนราชดำเนินกลาง
๑๕ ธันวาคม ๒๔๔๔
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ พระราชทานธงชัยเฉลิมพล แก่ กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ ๑ รักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ ๒ รักษาวัง กรมทหารราบที่ ๓ ฝีพาย และกรมทหารราบที่ ๔ ทหารหน้า
๒๙ มกราคม ๒๔๔๕
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ จบการศึกาจากประเทศอังกฤษ เสด็จคืนสู่พระนคร
๑ เมษายน ๒๔๔๕
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติโรงรับจำนำขึ้น หลังจากนั้น นายเล็ก โทกวณิก ได้ขอตั้งโรงรับจำนำขึ้นในนามฮั่วเสง อยู่ที่ถนนพาหุรัด โรงรับจำนำนี้เป็นแห่งแรกของประเทศไทย ที่ตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
๒ มิถุนายน ๒๔๔๕
ประกาศห้ามจับปลาในฤดูวางไข่ในที่น้ำนิ่ง ระหว่าง ๑ กรกฎาคม ถึง ๑๕ กันยายน (เฉพาะในมณฑลกรุงเก่า)
๒๙ มิถุนายน ๒๔๔๕
ประกาศใช้พระราชบัญญัติธนบัตร ร.ศ.๑๒๑ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ
๒๕ กรกฎาคม ๒๔๔๕
โจรเงี้ยว มีผกาหม่องเป็นหัวหน้า เข้าปล้นศาลากลางจังหวัด สถานีตำรวจภูธร และบ้านพักข้าราชการ จังหวัดแพร่ ตัดศีรษะข้าหลวงคนแรกของจังหวัดแพร่ คือ พระยาไชยบูรณ์ (ทองอยู่) ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ พลโท เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ได้ยกทัพไปปราบและโจรเงี้ยวได้ถูกทางราชการปราบจนราบคาบ
๑ สิงหาคม ๒๔๔๕
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ พลโท เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ยกกองทัพจากกรุงเทพ ฯ สมทบด้วยกำลังจากมณฑลพิษณุโลกและมณฑลพายับ ไปปราบกบฎโจรเงี้ยว ที่จังหวัดแพร่ได้เป็นผลสำเร็จ
๖ สิงหาคม ๒๔๔๕
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต) เป็นแม่ทัพไปปราบเงี้ยว ได้ยกทัพออกจากกรุงเทพ ฯ ในวันนี้
๒๐ สิงหาคม ๒๔๔๕
วันสถาปนา กรมสรรพาวุธทหารบก
๒๓ กันยายน ๒๔๔๕
ออกธนบัตรใบละ ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท ๑๐๐ บาท ๑,๐๐๐บาท
๑๔ ธันวาคม ๒๔๔๕
ได้ตั้งหน่วยสารวัตรทหารเรือขึ้นเป็นครั้งแรก
๒๙ มกราคม ๒๔๔๕
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ขณะยังไม่ขึ้นครองราชย์ จบการศึกษา จากประเทศอังกฤษ เสด็จกลับคืนสู่พระนคร
๑๗ พฤษภาคม ๒๔๔๖
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโอสถสภาของรัฐบาลขึ้น ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบและผลิตยาสามัญประจำบ้าน เพื่อผลิตยาจำหน่ายให้แก่ประชาชนในราคาย่อมเยา ในครั้งนั้นเรียกกันว่า ยาโอสถสภา ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ยาตำราหลวง
๑ พฤศจิกายน ๒๔๔๖
วันประกอบพระราชพิธีเปิดสะพานมัฆควานรังสรรค์
๑๖ พฤศจิกายน ๒๔๔๖
กองทัพบกได้จัดทำ คทาจอมพลขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เนื่องในพระราชพิธี ทวีธาภิเษก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท นับเป็นครั้งแรกที่มีคทาจอมพลขึ้นในประเทศไทย
พระราชพิธีทวีธาภิเษก เป็นพระพิธีการสมโภช ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ได้ครองราชย์สมบัติยืนนาน มาเป็น ๒ เท่า ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ พระบรมชนกนาถ
๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๖
ไทยเสียดินแดนที่อยู่ทางตะวันออกของเมืองน่าน เมืองจำปาศักดิ์ และเมืองมโนไพร เป็นพื้นที่ประมาณ ๖๒,๕๐๐ ตารางกิโลเมตร ให้แก่ฝรั่งเศส เพื่อขอให้ฝรั่งเศสคืนจันทบุรีให้ไทย ซึ่งฝรั่งเศสได้ยึดตั้งแต่เหตุการณ์ ร.ศ.๑๑๒ (พ.ศ.๒๔๓๖)
๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๖
มหาอำมาตย์เอก พระยาสุริยานุวัตร (เกิด บุนนาค) อัครราชทูตไทยประจำฝรั่งเศส ได้รับมอบอำนาจจาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ให้เป็นผู้เจรจาและลงนามกับฝรั่งเศสในอนุสัญญาไทย ฝรั่งเศส ยอมยกดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง เป็นพื้นที่ ๖๒,๕๐๐ ตารางกิโลเมตร แลกเปลี่ยนกับการให้ฝรั่งเศสถอนทหารไปจากจันทบุรี ซึ้งฝรั่งเศสยึดครองไว้ถึง ๑๐ ปี
๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๖
ไทยตกลงทำสัญญายก จังหวัดตราด เกาะต่าง ๆ ตลอดแนวไปจนถึง เกาะกง เกาะกูด ให้แก่ฝรั่งเศส
๗ มิถุนายน ๒๔๔๗
ตราข้อบังคับอัตราเบี้ยกันดารทหารบก ร.ศ.๑๒๓
๑๕ กรกฎาคม ๒๔๔๗
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ประพาสต้นนครชัยศรี
๒๑ สิงหาคม ๒๔๔๗
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ก่อนขึ้นครองราชย์ ทรงผนวชพร้อมกับเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช พระองค์ทรงลาผนวชเมื่อ ๑๑ ธันวาคม ๒๔๔๗ และเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช ทรงลาผนวชเมื่อ ๑๓ ธันวาคม ๒๔๔๗
๒๙ สิงหาคม ๒๔๔๗
มีการตรา พระราชบัญญัติ ลักษณะการเกณฑ์ทหาร
๙ ธันวาคม ๒๔๔๗
ฝรั่งเศส ถอนทหารออกจากจังหวัดจันทบุรี
๑ เมษายน ๒๔๔๘
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงประกาศเลิกทาส และตราพระราชบัญญัติทาส ร.ศ. ๑๒๔ ห้ามมิให้คนเกิดในรัชกาลของพระองค์เป็นทาสอีก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทำให้ทาสหมดสิ้นจากแผ่นดินไทย หลังจากที่ใช้เวลาดำเนินการเลิกทาสอย่างค่อยเป็นค่อยไป มายาวนานถึง ๓๑ ปี
๒๙ สิงหาคม ๒๔๔๘
ตรา พระราชบัญญัติ ลักษณะเกณฑ์ทหาร ร.ศ. ๑๒๔ เป็นฉบับแรก เปลี่ยนจากทหารสมัครมาเป็นทหารเกณฑ์ โดยกำหนดให้ไพร่ที่มีอายุ ๑๘ - ๒๐ ปี ต้องเข้ารับการคัดเลือกเข้าเป็นทหารและประจำการมีกำหนดสองปี ซึ่งสอดคล้องกับการประกาศเลิกทาส เมื่อ ๑ เมษายน ๒๔๔๘ และปรับการเรียกเก็บเงินค่าราชการจากชายฉกรรจ์ที่ไม่ได้เป็นทหาร คือ เงินรัชชูปการ ปีละ ๖ บาท พระราชบัญญัตินี้ ให้สิทธิแก่ผู้เสียภาษีอากรมาก มีสิทธิที่จะขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหารแก่คนในห้างร้าน หรือครอบครัวได้ชั่วคราวเป็นปี ๆ ไป
๑๒ ตุลาคม ๒๔๔๘
วันเปิดหอสมุดวชิรญาณ (พระนามของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ เมื่อทรงผนวช)
๑๓ กรกฎาคม ๒๔๔๙
บริษัทสยามกัมมาจลทุนจำกัด ได้รับพระบรมราชานุญาติให้จดทะเบียน และ ตั้งเป็นบริษัทได้ นับเป็นธนาคารแห่งแรกที่คนไทยได้จัดตั้งขึ้น ต่อมาเมื่อ ๒๗ มกราคม ๒๔๘๒ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด
๑๙ กันยายน ๒๔๔๙
ตรา พระราชบัญญัติ ศักดินาตำรวจภูธร
๔ ตุลาคม ๒๔๔๙
แบงค์สยามกัมมาจล เปิดดำเนินงานโดยคนไทยครั้งแรก
๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๔๙
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดโรงเรียนนายเรือที่พระราชวังเดิม กรุงธนบุรี กองทัพเรือได้ถือวันนี้ เป็นวันกองทัพเรือ (navy day) ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๖
๘ มกราคม ๒๔๔๙
รัฐบาลไทยยืมเงินอีก ๓ ล้านปอนด์ เพื่อสร้างทางรถไฟ
๒๓ มีนาคม ๒๔๔๙
ไทยเสียดินแดนมณฑลบูรพา คือ พระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ พื้นที่ ๕๑,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ให้แก่ฝรั่งเศส เพื่อให้ฝรั่งเศสถอนทหารออกจากตราด และแลกกับอำนาจทางการศาลของไทย
๒๕ มิถุนายน ๒๔๕๐
มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์แห่งอังกฤษได้ทูลเกล้า ฯ ถวายปริญญาทางกฎหมาย (Doctor of Law) กิตติมศักดิ์แก่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ นับเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกในทวีปเอเซีย ที่ได้รับการถวายพระเกียรติดังกล่าว
๖ กรกฎาคม ๒๔๕๐
ฝรั่งเศส ยอมคืนจังหวัดตราด ซึ่งยึดไป เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๖ ให้ไทย อันเป็นผลจากสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ฉบับ พ.ศ. ๒๔๔๙ (ร.ศ.๑๒๕) โดยฝรั่งเศส ยอมคืนจังหวัดตราดและเกาะต่าง ๆ ใต้แหลมสิงห์ลงไปถึงเกาะกูด
๑๒ กรกฎาคม ๒๔๕๐
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จที่แหลมเหนือของประเทศนอรเวย์ ทรงจารึกพระปรมาภิไธย ย่อ จปร.
๑๓ พฤศจิกายน ๒๔๕๐
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงแวะเยี่ยมเมืองตราด เมื่อเสด็จกลับจากประพาสยุโรปครั้งที่ ๒ และเสด็จเมืองจันทบุรีเมื่อ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๕๐ เพื่อเป็นการปลอบขวัญชาวเมือง เนื่องจากดินแดนส่วนนี้ได้กลับมาเป็นของไทยอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ฝรั่งเศสถอนกำลังออกไปจากเมืองตราด เมื่อเดือน กรกฎาคม ๒๔๕๐
๖ ธันวาคม ๒๔๕๐
ตราข้อบังคับการรับสมัครเข้าเป็นนักเรียนนายร้อย ร.ศ.๑๒๗
๒๗ มีนาคม ๒๔๕๐
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จพระพาสยุโรป ครั้งที่ ๒ ใช้เวลาเสด็จประพาสครั้งนี้รวม ๗ เดือนเศษ เสด็จกลับกรุงเทพ ฯ ในเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกัน
พ.ศ.๒๔๕๑
เริ่มมีการถวายพระราชสมัญญานามมหาราช แด่พระมหากษัตริยาธิราชเจ้าในประวัติศาสตร์ไทย โดยอาณาประชาราษฎรของไทยขณะนั้นได้พร้อมใจกันถวายพระราชสมัญญานามมหาราชแด่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ว่า พระปิยมหาราช
๑ มิถุนายน ๒๔๕๑
ประกาศใช้พระธรรมนูญศาลยุติธรรม ร.ศ.๑๒๗ และ กฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ.๑๒๗ นับเป็นประมวลกฎหมาย (CODE) ฉบับแรกของไทย
๑ กรกฎาคม ๒๔๕๑
ย้ายกองสรรพาวุธทหารเรือ ไปตั้งที่บางนา
๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๕๑
วันพระราชพิธี วางศิลาฤกษ์พระที่นั่งอนันตสมาคม
๑๒ พฤศจิกายน ๒๔๕๑
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จ ฯ ทรงเปิดสะพานเฉลิมโลก ๕๕ ข้ามคลองบางกะปิ
๑๓ พฤศจิกายน ๒๔๕๑
พระราชพิธีประดิษฐานและสมโภชพระบรมรูปทรงม้า ๓ วัน (๑๑ - ๑๓ พ.ย. ๒๔๕๑)
๙ มกราคม ๒๔๕๑
แก้พระราชกำหนดเครื่องแต่งตัวทหารบก ร.ศ.๑๒๗ ให้มีสายยงยศ สายองครักษ์ สายเสนาธิการ
๑๑๐ มีนาคม ๒๔๕
อังกฤษยอมตกลงปักปันเขตแผ่นดินไทย และรัฐกลันตันของมลายู ด้วยแม่น้ำสุไหงโกลก ที่ไหลมาออกอ่าวไทยที่บ้านตาบา (ใต้อำเภอตากใบ) จังหวัดนราธิวาสลงไปราว ๕ กิโลเมตร มีการลงนามในสัญญาแบ่งเขตแดนที่เรียกว่า สัญญาตาบา เพราะไทยใช้วัดชลธาราสิงเห ตำบลเจ๊ะเห ริมฝั่งแม่น้ำตากใบ อ้างเป็นหลักฐานยืนยันว่า แผ่นดินตากใบรวมถึงตัวเมืองนราธิวาส และจังหวัดปัตตานี เป็นของไทยมาเก่าแก่ ต่อมาวัดนี้จึงได้ชื่อว่า วัดพิทักษ์แผ่นดิน มาจนกระทั่งปัจจุบันนี้
๑๐ มีนาคม ๒๔๕๑
ไทยเสียหัวเมืองมลายู ๔ รัฐ คือ รัฐกลันตัน ตรังกานู ไทรบุรี และปะลิส เป็นพื้นที่ ๘๐,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ให้แก่อังกฤษ เพื่อให้ได้อำนาจศาลไทยที่จะใช้บังคับคนในบังคับอังกฤษในประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๕๒
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ทำที่กักเก็บน้ำที่คลองเชียงราก จังหวัดปทุมธานี และขุดคลองประปาสำหรับส่งน้ำเข้ามาจนถึงคลองสามเสน พร้อมกับฝังท่อเอกและติดตั้งอุปกรณ์อื่น ๆ ประกอบเป็นการประปาขึ้น
๓ เมษายน ๒๔๕๒
วันสถาปนาโรงเรียนเสนาธิการทหารบก
๑๓ กรกฎาคม ๒๔๕๒
ประกาศตั้งการประปา
๑ กันยายน ๒๔๕๒
เริ่มงานการทำบัญชีสำมะโนครัวในเมืองไทย คือ การจดบัญชีคนเกิดคนตาย คนย้ายที่อยู่
๗ ธันวาคม ๒๔๕๒
เปิดเดินรถไฟจากพิษณุโลกถึงอุตรดิตถ์
๒๖ ธันวาคม ๒๔๕๒
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จพระราชดำเนินไปเปิดโรงเรียนนายร้อยทหารบก ที่ถนนราชดำเนินนอก ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนนายร้อย จปร. และได้ย้ายไปอยู่ที่เขาชะโงก จังหวัดนครนายก เมื่อ ๕ สิงหาคม ๒๕๒๙
๙ มิถุนายน ๒๔๕๓
ตั้งเมืองเชียงรายเป็นเมืองจัตวา
๘ สิงหาคม ๒๔๕๓
ประกาศยกเว้นภาษีอากร แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ไม่ต้องเสียเงินรัชชูประการ ปีละ ๖ บาท
๒๓ ตุลาคม ๒๔๕๓
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จสวรรคต ด้วยพระโรคพระวักกะ (ไตพิการ) รวมพระชนมายุ ๕๗ พรรษา ครองราชย์ได้ ๔๒ ปี ทางราชการกำหนดให้วันนี้เป็นวันปิยมหาราช และหยุด ๑ วัน ส่วนราชการและประชาชนจะนำพวงมาลา ไปถวายบังคมสักการะที่พระบรมรูปทรงม้า เป็นประจำทุกปี
|