ประชุมพงศาวดาร

 

ศิลาจารึก
ศิลาจารึกวัดจุฬามณี

 

จากหนังสือพระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ ทำให้ทราบชัดว่า สมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ เสด็จขึ้นไปเสวยราชสมบัติอยู่เมืองพิศณุโลกคราวหนึ่ง และได้ไปทรงผนวชที่วัดจุฬามณีเมืองพิศณุโลก ต่อมาเจ้าฟ้ากรมขุนลพบุรีราเมศวร เสด็จขึ้นไปตรวจราชการมหาดไทยที่เมืองพิศณุโลก ไปพบศิลาจารึกมีอยู่ที่วัดจุฬามณี จารึกนี้เป็นพยานว่า สมเด็จพระบรมไตรโลกนารถได้ทรงผนวชที่เมืองพิศณุโลกแน่นอน

ความในศิลาจารึกเก็บความได้ดังนี้
จ.ศ.๘๒๖ (พ.ศ.๒๐๐๗) สมเด็จพระรามาธิบดีศรีบรมไตรโลกนารถบพิตรเป็นเจ้า ให้สร้างอารามจุฬามณีที่จะเสด็จออกทรงมหาภิเนษกรม ขณะนั้น เอกราชทั้งสามเมืองคือ พระยาล้านช้าง มหาราช พญาเชียงใหม่ และพญาหงสาวดี แต่งเครื่องอัฐบริขารให้มาถวาย
จ.ศ.๘๒๗ (พ.ศ.๒๐๐๘) เดือนแปดขึ้นสิบสี่ค่ำ ครุเทพวาร สมเด็จพระรามาธิบดีศรีบรมไตรโลกนารถ ฯ เสด็จทรงพระผนวช ท่านให้บวชพระสงฆ์ปริวัตรก่อนห้าพระองค์ พระสงฆ์บวชโดยเสด็จทั้งสี่คณะ ๒๓๔๘ พระองค์ แต่สมเด็จพระรามาธิบดี ฯ ทรงผนวชอยู่ได้แปดเดือนสิบห้าวัน ครั้นถึงเดือนห้า สมเด็จพระเอารสท่าน แลพฤฒามาตย์ทั้งปวง ขออัญเชิญพระองค์ เสด็จลาผนวช ช่วยครองราษฎรกรรมทั้งปวง ท่านก็เสด็จปริวัตรแล้วล่วงลงมายัง กรุงพระมหานครศรีอยุธยา
พ.ศ.๒๒๒๒ ปีปลาย สิบเดือน ห้าวันรุ่งแล้วห้าโมง หลวงสิทธิมหาดเล็กรับพระราชโองการ หมื่นราชสังฆการีรับหมายรับผ้าพระราชทาน ให้พระครูธรรมไตรโลกนารถราชมุนี ฯ อธิการ ณ อาราม จุลามณีทาบรอยพระพุทธบาท มีพระราชโองการตรัสให้อนุญาตให้ไปประดิษฐานไว้ ณ อารามวัดจุลามณีเป็นที่นมัสการ จึงพระราชทานแผ่นศิลาควร (ถุทุณา) พระพุทธบาท แผ่นศิลาแผ่นหนึ่งให้ลงจาฤกพระราชพงษาวดาร พระราชตำรา และกัลปนาข้าพระจุลามณี วันประจุพระเกษาและเป็นข้าพระพุทธบาท จ.ศ.๑๒๔๓ (พ.ศ.๒๒๒๔) รับพระพุทธบาทประดิษฐานไว้ในมณฑป
ตำรานี้พิจารณาแล้ว และปิดตรามนุษย์ถือสมุดพระศรีสุเรนทรา ฯ สมุหพระสุรัสวดีประจำอักษรไว้กลาง พระศรีสรรเพ็ชสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทร ฯ เสด็จอยู่ในพระที่นั่งศรีสุริยาศน์อมรินทราชมหาสถาน โดยอุตราภิมุข จึงพระพิมลธรรม ฯ ถวายพระพรทูลพระกรุณาว่าเมืองพิศณุโลกแต่ก่อนนั้น มีข้าพระเป็นกัลปนาพระราชทานอุทิศไว้สำหรับพระอาราม ฯลฯ

 

จารึกหลักศิลาศุโขทัย หลักที่ ๑

 

พ่อกูชื่อศรีอินทราทิตย์ แม่กูชื่อนางเสือง พี่กูชื่อบานเมือง ตูพี่น้องท้องเดียวห้าคน ผู้ชายสามผู้หญิงโสง พี่เผือผู้อ้ายตายจากเผือตั้งแต่ยังเล็ก เมื่อกูขึ้นใหญ่ได้สิบเก้าเข้า ขุนสามชนเมืองฉอดมาท่เมืองตาก พ่อกูไปรบขุนสามชน หวัวซ้าย ขุนสามชนขบบมาหวัวขวา ขุนสามชนเกลื่อนเข้า ไพร่ฝ้าหน้าใส พ่อกูหนีญญ่ายพ่ายจแจ้ ๆ กูบ่หนี กูขี่ช้างบุกพลกูขบบเข้าก่อนพ่อกู กูต่อช้างด้วยขุนสามชน ตนกูพุ่งช้าง ขุนสามชนตัวชื่อมาสเมืองแพ้ ขุนสามชนพ่ายหนี พ่อกูจึงขึ้นชื่อกู ชื่อพระรามคํแหง เพื่อกูพุ่งช้างขุนสามชน เมื่อชั่ว ๆ พ่อกู กูบํเรอแก่พ่อกู กูบํเรอแก่แม่กู กูได้ตววเนื้อตววปลา กูเอามาให้แก่พ่อกู กูได้หมากสํหมากหวาน อนนกูกินอร่อยกินดีกูเอามาให้แก่พ่อกู กูไปตีหนองง่องช้างได้กูเอามาแก่พ่อกู กูไปท่บ้านท่เมืองได้ช้างได้ปววได้เงือนได้ทอง ได้เอามาเขนแก่พ่อกู พ่อกูตายยงงพี่กู กูพร่ำบํเรอแก่พี่กูอย่างบํเรอแก่พ่อกู พี่กูจึงได้เมืองแก่กูทรงกล เมืองชววพ่อขุนรามคํแหง เมืองศุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลาในนามีเข้า เมืองบ่เอาจกอบในไพร่ลู่ทาง เพื่อนจงงวว ไปค้าขี่ม้าไปขาย ใครจกกใคร่ค้าช้างค้า ใครจกกใคร่ค้าม้าค้า ใครจกกใคร่ค้าเงือนค้า ทองค้า พ่อเซื่อเรือค้ำ มนนช่างขอลูกเมียเยียเข้าไพร่ฝ้าข้าไทย ป่าหมากป่าพลู พ่อเซื่อมนนไว้แก่ลูกมนนสิ้น ไพร่ฝ้าลูกเจ้าลูกขุน ผิผิดแผก แสกข้างกมนส่วนใดแท้แล้ จึงแล่งความแก่ข้าด้วยซื่อบเข้าผู้ลกกมกกผู้ซ่อน เหนเข้าท่านบ่ใคร่พีนเหนสินท่านบ่ใคร่เดือด คนใดซื้อขายมาหาพาเมือง มาคูข้อยเหนือเพื่อกู มนนบ่มีช้าง บ่มีม้า บ่มีปวว บ่มีเงือน บ่มีทองให้แก่มนน ของมนต้วงเปนบ้านเปนเมืองใด ข้าเลือกข้าเลือ หววพจหววปกดี บ่ฆ่าบ่ตี ในปากปตู มีกดีงอน อนนหนึ่ง แขวนไว้หบน ไพร่ฝ้าหน้าใส กลางบ้านกลางเมืองมีถ้อยมีความเจบท้องข้องใจ มนนจกกล่าวเถิงเจ้าเถิงขุนบ่ไร้ ไปลนนุกดีงอนนแขวนไว้ พ่อขุนรามคํแหงเจ้าเมืองได้ยินเรียก เมื่อถามสวนความแก่มนนด้วยซื่อ ไพร่ในเมืองศุโขทัยนี้ จึงซํสร้างป่าหมากป่าพลู ทํ
ท่าวเมืองนี้ทุกแห่ง ป่าพร้าวก็หลายในเมืองนี้ ป่าลาวก็หลายในเมืองนี้ หมากม่วงก็หลายในเมืองนี้ หมากขามก็หลายในเมืองนี้ ใครสร้างไว้ได้แก่มนน ในเมืองศุโขทัยนี้มีน้ำคร พงงพวยสีใสกินดี ดววกิน น้ำโขงเมื่อแล้ง รอบเมืองศุโขทัยนี้ตีร ไปได้สามพันสี่ร้อยวา คนในเมืองศุโขทัยนี้มกกทาน มกกทรงสีล มกกโอยทาน พ่อขุนรามคํแหงเจ้าเมืองศุโขทัยนี้ท้งงชาวแม่ ชาวเจ้าทวยปววทวยนาง ลูกเจ้าลูกขุนท้วงสิ้นท้วงหลาย ท้วงผู้ชายผู้หญิง ฝูงทวยมีสรธาในพระพุทธสาสนทรงสีล เมื่อพรนษาทุกคน เมื่อโอกพรนษากราลกถิน เดือนหนึ่งจึงแล้ว เมื่อกราลกถิน พํนเบี้ยมีพํน หมากมีพํนดอกไม้ มีหมอนน่อง หมอนโนน บริพารกถินโอยทาน แลปีแลญิบลานไปสุดญดดกถินอรญญิกพู้น เมื่อจักเข้ามาวยงรยง กนนแต่อรญญิกพู้น เท่าหววลานดำบงคำด้วย สยุงพาด สยงพิน สยงเลื่อน สยงขบบใครจกกมกกเหล้นเหล้น ใครจกกมกก หวงหวง ใครจกกมกก เลื่อนเลื่อน เมืองศุโขทัยนี้มีสี่ปตูสี่ หซวงห้ยน ญ่อมคนสยดถนนเข้ามาดู ท่านเผาทยนท่านเหล้นไฟ เมืองศุโขทัยนี้มีต่งงจกกแผก กลางเมืองศุโขทัยนี้มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มีพระอฐฐารศ มีพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอนนใหญ่ มีพระพุทธรูปอนนราม มีพิหารอนนใหญ่ มีพิหารอนนราม มีปู่ครูมีสังฆราช มีเถร มีมหาเถร เบื้องตวนนตก เมืองศุโขทัยนี้ มีอรญญิก พ่ขุนรามคำแหงกทํโอยทานแก่มหาเถรสังฆราชปราชญ รยน จบปิฎกไตร หวงก๊กกว่าปู่ครู ในเมืองนี้ทุกคนสกแต่เมืองศรีธรรมราชมา ในกลางอรัญญิกมีพีหาร อนนหนึ่งมนนใหญ่สูงงามนัก มีพระอัฐฐารศอนนหนึ่งลุกยืน เบื้องตวนนโอก เมืองศุโขทัยนี้มีพีหาร มีปู่ครู มีทเลหลวง มีป่าหมาก มีป่าพลูมีไร่มีนา มีถีนถานมีบ้านใหญ่บ้านเล็ก มีป่าม่วงมีป่าขามดูงามดงงแก้ล เบื้องตีนนอนเมืองศุโขทัยนี้ มีตลาดปสานมีพระอจนมีปราสาทมีป่าหมากพร้าว ป่าหมากลาง มีไร่มีนา มีถีนถานมีบ้านใหญ่บ้านเล็ก เบื้องหัวนอนเมืองศุโขทัยนี้มีกุฎีพีหารปู่ครูอยู่ มีสรีดภงส มีป่าพร้าว มีป่าลาง มีป่าม่วง ป่าขาม มีนาโคก มีพระขพุงผีเทพดาในเขา อนนน้นม เปนใหญ่กว่าทุกผีในเมืองนี้ ขุนผู้ใดถือเมืองศุโขทัยนี้แลไหว้ดีพลีถูกเมืองนี้ทย่ง เมืองนี้ดี ผิไหว้บ่ดีพลีบ่ถูก ผีในเขาอนนบ่คุ้มบ่เกรงเมืองนี้หาย ๑๒๑๔ ศกมโรง พ่ขุรามคํแหง เจ้าเมืองศรีสชชนาไลยศุโขทัยนี้ ปลูกไม้ตาลนี้ได้สิบสี่เข้า จีงให้ช่างฟนนขดารหีน ต้วงหว่างกลางไม้ตาลนี้ วนนเดือนดับเดือนโอก แปดวนน วนนเดือนเตมท้งงแปดวนน ฝูงปู่ครูเถรมหาเถรขึ้นน่งง เหนือขดารหีนสูดธรรมแก่อุบาสกฝูงทวยจำสีล ผิใช่วนนสูดธรรม พ่ขุนรามคํแหงเจ้าเมืองศรีสชชนาไลยศุโขทัย ข้นน่งงเหนือขดารหีน ให้ฝูงทวยลูกเจ้าลูกขุน ฝูงทวยถือบ้านถือเมืองกนน วนนเดือนพีเดือนเตม ทานแต่งช้างเผือก กรพดดลยาง ท้ยนญ้อมทองงาม ทงงวาชื่อรูบาสี พ่ขุนรามคํแหงขึ้นขี่ไปนบพระพีหารอรญญิก แลเอามาจาริกอนนหนึ่งมีในเมืองชลยง สุถาปกไว้ด้วยพระศรีรตนธาตุ จาริกอนนหนึ่งมีในถ้ำ ชื่อถ้ำพระรามอยู่ฝงงน้ำสํพาย จาริกอนนหนึ่งมีในถ้ำรตนธาร ในคลองป่าต้นนี้มีสาลาสองอนน อนนหนึ่งชื่อสาลาพระมาส อนนหนึ่งชื่อพุทธภุ้ง หีนนี้มีชื่อมนงงสีลาบาตร สถาปกไว้ หีนจีง ท้งงหลายเหน พ่ขุนรามคํแหงลูกพ่อขุนศรีอินทราทิตย เปนขุนในเมืองศรีสชชนาไลยศุโขทัย ทรงมากาวลาวแลไทยเมืองใต้หล้าฟ้า (ชำรุด) ศุโขทัยชาวอูชาวของมาออก ๑๒๐๙ ศกปีกุร ให้ขุดเอาพระธาตุออกทงงหลายเห็นกทำบุชา บํเรอแก่พระธาตุได้เดือนหกวนน จึงเอาลงฝังในกลางเมืองศรีสชชนาไลย ก่อพระเจดีย์เหนือหกเข้าจีงแล้ว ต้งงว่ยงผา ล้อมพระมหาธาตุ สามเข้าจีงแล้ว เมื่อก่อนลายสือไทยนี้บ่มี ๑๒๐๕ ศกปีมแม พ่ขุนรามคํแหงหาใคร่ในในใจแลใส่ลายสือไปนี้ ลายสือไทยนี้ จีงมีเพื่อขุนผู้น้นนไว้ใส่ใจ ขุนพระรามคํแหงนั้น หากเป็นท้าวเป็นพรครูแก่ไทยทงงหลาย หากเป็นครูอาจารย์ส่งงส่อนไทยทงงหลาย ให้รู้บุญรู้ธรรมแท้แก่คนอนนมีในเมืองไทย ด้วยรู้ด้วยหลวกก ด้วยแกล้วด้วยหาญด้วยแคะด้วยแก่ง หาคนจกกเสมอมิได้ อาจปราบฝูงข้าเศิก มีเมืองกว้างซางหลาย ปราบเบื้องตวนนออก รอดสลลวงสองแควลํบาจายสคา เท้าฝ่วงของเถิงวยงจนนวยงคำเป็นที่แล้ว เบื้องหงงนอนรอดคนทีพระบางแพรก สุพรรณณภูมิราชบุรี เพชบูรี ศรีธรรมราช ฝ่วงทเลสมุทร เปนที่แล้ว เบื้องตวนตกรอดเมืองฉอดเมือง (ชำรุด) นหงศาพดีสมุทรห้าเปนแดน เบื้องตีนนอนลอด เมืองแพล่ เมืองม่านเมือง (ชำรุด) เมืองพลวงพ้นฝ่องของเมืองชวาเปนแดนแล้ว ปลูกเลี้ยงฝูงลูกบ้านลูกเมืองน้นนชอบด้วยธรรมทุกคน

 

หลักศิลาเมืองศุโขทัย ที่ ๒

จารึกเป็นอักษรขอมโบราณ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ทรงแต่ง