ข้อพิจารณาในการสรุป
การสรุป มิใช่การทบทวนเรื่องที่พูด
การสรุป มิใช่ย่อความเรื่องที่พูดมาแล้วทั้งหมด
การสรุป มิใช่กระทำเพราะสาเหตุของการหมดเวลา แต่
การสรุปจบ คือการจบการพูดตามแบบแผนหรือโครงสร้างการพูดที่ได้วางไว้แล้วล่วงหน้า
การสรุปจบแบ่งเป็น 3 ลักษณะคือ
ส่วนสรุปจบหรือคำลงท้ายที่ไม่ได้ผล
ส่วนสรุปจบหรือคำลงท้ายที่ได้ผลดีน้อย
ส่วนสรุปจบหรือคำลงท้ายที่ได้ผลดีมาก
การสรุปจบที่ไม่ได้ผล ซึ่งได้แก่
ไม่มากก็น้อย
คอยขอโทษ
หมดแค่นี้
ไม่มีเวลา
หาลานบิน
สิ้นชั้นเชิง
ขออธิบายเพียงคร่าว ๆ แต่ละข้อของการสรุปจบที่ไม่ได้ผลดังต่อไปนี้
ไม่มากก็น้อย เช่น ลงท้ายเป็นบทสรุปว่า
ผม ( ดิฉัน ) หวังว่าการบรรยายในวันนี้คงเกิดประโยชน์แก่ท่านสมาชิก
ทุกท่านไม่มากก็น้อย
เป็นต้น
( ก็นั่นนะซี ไม่มากก็ต้องน้อย ไม่น้อยก็ต้องมากอยู่แล้ว ไม่บอกก็รู้จะไปพูดทำไม ?)
คอยขอโทษ เช่น
ผมต้องขออภัย ในวันนี้ ที่อาจพูดไม่ดีเท่าที่ควร เพราะไม่ค่อยสบายเอามาก ๆ
( ขอโทษเถอะ หากไม่สบายก็ไปพักผ่อนเสียจะดีกว่า ไม่น่ามานั่งยืนพูดแบบทรมานทั้งตัวเองและผู้ฟัง )
หากมีข้อผิดพลาดประการใดในการบรรยายครั้งนี้ ต้องขอประทานอภัย
เพราะเรื่องนี้ไม่ค่อยถนัดเลย
( ท่านรู้ไหม คนฟังเขาอยากฟังจากผู้สันทัดกรณีพูด ถ้ารู้ตัวว่าไม่ถนัดไม่สันทัดจริง ๆ ก็ไม่รับเชิญพูดก็หมดเรื่อง จะมาคอยขอโทษอยู่ใย )
หมดแค่นี้ นี่ก็อีกเช่นกัน ชอบใช้กันจริง เช่น
ผม ( ดิฉัน ) ไม่มีอะไรจะพุดจึงขอจบการบรรยายแต่เพียงแค่นี้
( แน่นอน เมื่อไม่มีอะไรจะพูดก็จบไปเลย จะมาขอจบทำไม พิลึกคน )
ผมขอยุติการบรรยายในวันนี้แต่เพียงแค่นี้ หรือพระเทศน์ก็จบว่า
ในอวสานกาลที่สุดแห่งพระธรรมเทศนานี้ อาตมาขอสมมุติยุติลงแต่เพียงแค่นี้
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
- ถามหน่อยเถอะ ถ้าไม่ขอยุติจบไม่ได้หรืออย่างไร
- ยุติได้ก็ดีขืนพูดอีกก็วนไปมาจะหนักใหญ่
เทศน์จบก็เช่นกัน จบก็ฟังดูสละสลวยดีอยู่หรอก แต่ลองอ่านฟังอย่าง
พิเคราะห์ดูให้ดี ๆ เถอะ จะเห็นว่า ใช้คำซ้อนกันอย่างฟุ่มเฟือยมาก
ไม่มีเวลา ก็อยู่ในทำนองเดียวกัน เช่น
ความจริง ผม ( ดิฉัน ) ยังมีเรื่องที่จะพูดคุยอีกมาก วันนี้หมดเวลาแล้วเอา
ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกัน
ท่านคิดหรือว่า วันหน้าเขาจะเชิญมาอีก ถ้าเขาไม่เชิญแล้วจะไปต่อให้ใครฟัง
เท่าที่พูดมาก็มากพอสมควรแก่เวลาแล้ว ติดการบรรยายที่อื่นอีกขอจบแค่นี้
ขอขอบคุณ
( พูดที่นี่ก็มากแล้ว ไม่เหนื่อยหรืออย่างไร จะไปพุดที่อื่นจะไหวหรือ )
หาลานบิน เช่น
เรื่องที่ได้บรรยายมานี้ก็มีเท่านี้ มีใครจะถามอะไรบ้าง
ถ้าเขาไม่ถามก็ต้องจบใช่ไหม
ถ้าเกิดเขาถามมาก็ต้องตอบ ทำไมจึงว่าก็
มีเพียงเท่านี้
นี่เขาเรียกว่า หาลานบินไม่เจอ
สิ้นชั้นเชิง เช่น
ในที่สุดก็ต้องขอขอบคุณท่านผู้ฟัง ที่ตั้งใจฟังผมตั้งแต่ต้นจนจบ
( รู้ได้อย่างไรว่าเขาตั้งใจฟัง )
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุก ๆ ท่าน
( นี่ถ้าไม่ขอบคุณ เราคงจะไม่มาฟังอีก
แน่ เขาเรียกว่า เป็นการจบที่สิ้นท่า หาชั้นเชิงไม่ได้เลย เขาเรียกว่า ไม่มีฝีมือ
การสรุปจบที่ได้ผลน้อย อันได้แก่
ถึงเวลาแล้วหรือยัง
คำโคลง กลอน ที่ผิดจากของจริง
การอ้างบทประพันธ์ ภาษิตที่ไม่มีที่มาหรืออ้างเจ้าของบทประพันธ์ข้อ
ความนั้น ผิด
เป็นต้น วิธีการนี้ ดูออกว่าได้ผลแต่ได้ผลน้อย ขาดหลักการนักพูดจริง ๆ เขาไม่ทำแต่ถ้าเป็นนักพูดที่เพียงเริ่มค้นตำรับตำรามาพูดขาดประสบการณ์บนเวทีจริง ๆ และมาก ๆ นั้น จะใช้กันดาษดื่น เขาเรียกว่าขาดความพิถีพิถันฉะนั้น ผลดีออกมาจึงดีน้อยไป
การสรุปหรือคำลงท้ายที่ได้ผลดีมาก
ตามหลักวิชาการ การสรุปจบที่ผลดีมาก จากการวิจัยมาแล้วมี 4 รูปแบบคือ
สรุปความตามคมปาก
สรุปความฝากให้คิด
สรุปความสะกิดชักชวน
สรุปความสำนวนขบขัน
ตามคมปาก (Quatation) การสรุปวิธีนี้ ได้แก่ การอ้างสุภาษิต คำคม คำพังเพย
โคลง กลอน ที่มีมาที่ไปอย่างถุกต้องมาใช้ จะทำให้การพูดของเราเกิดรสชาติ มีคุณค่า เกิดความซึ้งในอารมณ์ผู้ฟังเป็นอย่างยิ่ง เช่น
กรณีพูดถึงการวางแผนวงการธุรกิจ
ไม่มีใครวางแผนที่ทำให้ธุรกิจล้มเหลว มีแต่ธุรกิจล้มเหลวก็เพราะไม่มีการวางแผน
ถ้าพูดถึงนักพูด เช่น
นักพูดที่ขาดประสบการณ์และวัตถุดิบใหม่ ๆ ไม่เอาไหนในอารมณ์ขัน
และการฝึกซ้อมเตรียมตัว นั่นคือการเกษียณตัวเอง
ยืนให้เด่น เน้นให้จำ ขำควรมี จบทันทีเมื่อหมดเวลา
นักพูดบางคนมีเวลา แต่ทว่าไม่มีโอกาส นักพูดที่ฉลาดควรเก็บเกี่ยวโอกาสและหาเวลา
|