พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

 
 

 

บรมราชาภิเษก

สรงมุรธาภิเษก


วันที่ 5 พฤษภาคม 2493 เวลา 09.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องแบบเต็มยศจอมพลทหารบก ทรงสวมสายสะพายนพรัตนราชวราภรณ์ พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี เสด็จพระราชดำเนินเข้าพระที่นั่งอมรินทวินิจฉัย ทรงจุดธูปเทียนนมัสการพระพุทธพรรณีและพระพุทธมณีรัตนปฏิมากร แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทางพระทวารเทวราชมเหศวร์ มหาดเล็กเชิญพระแสงดาบฝักทองเกลี้ยง ตามเสด็จพระราชดำเนิน ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ สังฆการีนิมนต์พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ชั้นสมเด็จพระราชาคณะ 5 รูป ขึ้นนั่งเหนืออาสน์ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องบูชาพระรัตนตรัย หน้าพระแท่นมณฑล สมเด็จพระสังฆราชถวายศีล จบแล้วเสด็จเข้าในห่อพระสุลาลัยพิมาน
เวลา 9.55 น. โหรบูชาพระฤกษ์ที่ศาลจตุโลกบาลทั้ง 4 และศาลพระอินทร์ที่มณฑปพระกระยาสนาน


เวลา 10.15 น. เป็นปฐมฤกษ์ พระครูวามเทพมุนีกราบบังคมทูล เชิญเสด็จไปสู่มณฑปพระกระยาสนาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเศวตพัสตร์ ทรงสพักขาวขลิบทอง เสด็จออกจากหอพระสุลาลัยพิมาน ทางพระทวาร พระที่นั่งไพศาลทักษิณ โดยริ้วกระบวน ไปยังหน้าโต๊ะสังเวยเทวดากลางหาว เสด็จขึ้นมณฑปพระกระยาสนาน ประทับเหนืออุทุมพรราชอาสน์ แปรพระพักตร์สู่มงคลทิศบูรพา ทรงเหยียบใบไม้อ้อ หม่อมเจ้าพร้อม ลดาวัลย์ เชิญพระชัยนวโลหะประดิษฐานบุษบกทิศตะวันออก พราหมณ์สมจิตต์ รังสิพราหมณกุล เชิญพระคเณศประดิษฐาน ณ บุษบกทิศตะวันตก
เวลา 11.20 น. พระยาโหราธิบดีลั่นฆ้องชัย พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร ไขสหัสธารา อันเจือด้วยน้ำปัญจมหานที ในมัธยมประเทศ คือ แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู และน้ำเบญจสุทธคงคาในแม่น้ำสำคัญทั้ง 5 ของราชอาณาจักรไทย ได้แก่


แม่น้ำเพชรบุรี ตักที่ตำบลท่าชัย แขวงจังหวัดเพชรบุรี
แม่น้ำราชบุรี ตักที่ตำบลดาวดึงส์ แขวงจังหวัดสุมทรสงคราม
แม่น้ำเจ้าพระยา ตักที่ตำบลบางแก้ว แขวงจังหวัดอ่างทอง
แม่น้ำป่าสัก ตักที่ตำบลท่าราบ แขวงจังหวัดสระบุรี
แม่น้ำบางปะกง ตักที่ตำบลบึงพระอาจารย์ แขวงจังหวัดนครนายก
และน้ำ 4 สระ คือ สระเกศ สระแก้ว สระคงคา สระยมุนา แขวงจังหวัดสุพรรณบุรี

ขณะนั้นพระสงฆ์ ในพระราชพิธีมณฑลเจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร มโหรทึกและเครื่องดุริยางค์ กองทหารเกียรติยศถวายเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารปืนใหญ่ยิงปืนมหาฤกษ์ มหาชัย มหาจักร์ มหาปราบยุค 21 นัด สมเด็จพระสังฆราช และพระบรมวงศ์ กับทั้งเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ถวายน้ำโดยลำดับ เสร็จสรงพระมุรธาภิเษกแล้ว เสด็จขึ้นทางพระทวารหอพระสุลาลัยพิมาน
เวลา 11.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราช ภูษิตาภรณ์ สำหรับบรมราชาภิเษก


เสด็จออกจากหอพระสุลาลัยพิมาน เข้าสู่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ สถิตเหนือพระที่นั่งอัฐทิศ ภายใต้พระบวรเศวตฉัตร แปรพระพักตร์สู่บูรพทิศเป็นปฐม สมุหราชพิธีทูลเกล้า ฯ ถวายพระเต้าเบญจคัพย รัชกาลที่ 1 สำหรับทรงรับน้ำอภิเษก เพื่ออัญเชิญให้ทรงแผ่พระราชอาณาปกครอง ปวงประชาชนในทิศทั้ง 8 ซึ่งสมาชิกรัฐสภาประจำทิศทั้ง 8 จะได้นำทูลเกล้า ฯ ถวายตามลำดับ โดยเริ่มจากทิศบูรพา ทรงรับน้ำจากพระเต้าแล้ว

พระราชครูวามเทพมุนีถวายน้ำเทพมนตร์ด้วยพระมหาสังข์ พราหมณ์แสง กลิ่นจรุง ถวายน้ำเทพมนตร์ด้วย พระครอบสัมฤทธิ์ ทรงรับด้วยพระราชหัตถ์แล้วเสด็จแปรที่ประทับทรงรับน้ำอภิเษกซึ่งถวายประจำทุกทิศ ตามลำดับโดยทักษิณาวัฏจนครบ 8 ทิศ แล้วเสด็จมาประทับทิศบูรพาอีกครั้งหนึ่ง เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศร์ (จิตร ณ สงขลา) ประธานวุฒิสภาถวายพระพรเป็นภาษามคธ ต่อนั้น นายเพียร ราชธรรมนิเทศ ประธานสภาผู้แทนถวายพระพรเป็นภาษาไทย (โดยแปลจากภาษามคธข้างต้น)


"ด้วยอำนาจพระรตนัตยานุภาพ และน้ำพระมุรธาวษิต ขอจงเป็นผลสำเร็จ ขอจงเป็นผลสำเร็จ ขอจงเป็นผลสำเร็จ ตามคำที่ข้าพระพุทธเจ้าถวายพระพร"
แล้วทูลเกล้า ฯ ถวายน้ำมุรธาภิเษก เมื่อทรงรับน้ำอภิเษกเสร็จแล้ว พระราชทานพระเต้าเบญคัพยให้หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป.มาลากุล เชิญกลับไป ต่อจากนั้น พระราชครูวามเทพมุนีกราบถวายบังคมทูลถวายพระพรเป็นภาษามคธ แล้วกราบบังคมทูลด้วยภาษาไทยว่า
"ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ขอได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชวโรกาส แก่ข้าพระพุทธเจ้า ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงรับมุรธาภิเษก เป็นบรมราชาธิราช เป็นเจ้าเป็นใหญ่ของประชาชนชาวสยาม เหตุดังนั้น ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาท และสมณะพราหมณาจารย์ทั้งปวง ขอมอบพระเศวตฉัตรนี้ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ขอได้ทรงรับแล้วแผ่พระราชอาณาปกเกล้า ฯ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวง ตลอดถึงอาณาประชาราษฎร์ เป็นบรมนาถ ทรงจัดการคุ้มครองป้องกันอันเป็นธรรมสืบไป ขอเดชะ"

เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญนพปฎลมหาเศวตฉัตร มามอบให้พระราชครูวามเทพมุนีน้อมเกล้า ฯ ถวาย ขณะนั้นพราหมณ์เป่าสังข์ ชาวพนักงานแกว่งบัณเฑาะว์ ประโคมฆ้องชัย แตร มโหรทึก เครื่องดุริยางค์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับ และพระราชทานให้ผู้เชิญรับเชิญไว้ แล้วเสด็จพระราชดำเนินจากพระที่นั่งอัฐทิศ สู่พระที่นั่งภัทรบิฐ มีขบวนเชิญพระชัยนวโลหะและพระคเณศ กับโปรยข้าวตอกดอกไม้นำเสด็จ และผู้เชิญพระมหาเศวตฉัตรตามเสด็จไป ประทับเหนือพระที่นั่งภัทรบิฐภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร แปรพระพักตร์สู่ทิศบูรพา

พระราชครูวามเทพมุนีกล่าวสรรเสริญเปิดศิวาลัยไกลาสจบแล้ว กราบบังคมทูลถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ และเครื่องบรมราชาภรณ์ เครื่องประดับพระอิสริยยศด้วยภาษามคธจบแล้ว เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญพระสุพรรณบัฎ ซึ่งจารึกพระปรมาภิไธยว่า
" พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร "

จากพระแท่นที่บูชามามอบให้พระราชครูวามเทพมุนีทูลเกล้า ฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับแล้ว ต่อจากนั้นเจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญเบญจราชกกุธภัณฑ์ ขัตติยราชวราภรณ์ เครื่องขัตติยราชูปโภค และพระแสงราชศัตราวุธจากพระแท่นที่บูชา มามอบให้พระครูวามเทพมุนีทูลเกล้า ฯ ถวาย พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานประโคมสังข์ บัณเฑาะว์ ฆ้องชัย แตร มโหรทึก และดุริยางค์ กองทหารถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ยิงปืนกองแก้วจินดา 21 นัด ตามกำลังวัน (วันศุกร์) ทหารบก ทหารเรือยิงปืนใหญ่เฉลิมพระขัตติยราชอิสริยยศฝ่ายละ 101 นัด พระสงฆ์ในพระอารามทั้งหลาย ทั่วราชอาณาจักร ย่ำระฆังถวายชัย พระอารามละ 7 ลา กองทัพอากาศส่งอากาศยานบินโปรยข้าวตอกดอกไม้ เมื่อสุดเสียงประโคมแล้ว


พราหมณ์ถวายอนุษฏภศิวมนตร์ จบแล้วเป่าสังข์ พระราชครูวามเทพมุนีถวายพระพรชัยมงคล ด้วยภาษามคธ แล้วกราบบังคมทูลเป็นภาษาไทยว่า
"ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอถวายชัย ขอพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร อันเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ในสยามรัฐมหามณฑลนี้ ทรงชำนะทั่วปถพีดล ทรงชำนะเหล่าอริราชดัสกร ทุกเมื่อ เทอญ ฯ"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการตอบพระราชทานอารักขาแด่ประชาชนชาวไทยด้วยภาษาไทยว่า
"เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม"
พระราชครูวามเทพมุนี รับพระบรมราชโองการด้วยภาษามคธ แล้วกราบบังคมทูลเป็นภาษาไทยว่า
"ข้าพระพุทธเจ้า ขอรับพระบรมราชโองการ สุรสิงหนาท ประถมธรรมิกราชวาจา ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ"
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหลั่งน้ำทักษิโณทก ตั้งพระราชสัตยาธิษฐาน จะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ปกครองราชอาณาจักรไทย โดยทศพิธราชธรรมจริยา แล้วทรงเปลื้องพระมหาพิชัยมงกุฎ พระธำมรงค์รัตนวราวุธ และพระธำมรงค์วิเชียรจินดา พระราชทานให้ผู้เชิญ รับเชิญไว้ จมึ่นสิริวังรัตน์ (เฉลิม คชาชีวะ) เลขานุการสำนักพระราชวังทูลเกล้า ฯ ถวายดอกพิกุลเงิน พิกุลทอง ทรงโปรยพระราชทานแก่พรามหณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกจาก พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ไปพระที่นั่งอมรินทรวินัจฉัย ทางพระทวารเทวราชมเหศวร์ มีนายชิดหุ้มแพร เชิญพระแสงขรรค์ชัยศรี ตามเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม แด่พระสงฆ์ 80 รูป พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา สมเด็จพระสังฆราชถวายอดิเรกเป็นปฐม สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายพระพรลา แล้วเสด็จขึ้น
สมเด็จพระสังฆราชดับเทียนชัย พระสงฆ์ทั้งนั้นสวดคาถาดับเทียนชัย เสร็จแล้วพระสงฆ์กลับ