" นิรสาสมาธิ ( มินิธุดงค์ )
ครั้งนี้นิรสาสมาธินอกสถานที่เราไปที่สาริการีสอรท์ใกล้น้ำตกสาริกา จังหวัดนครนายก อยู่ไม่ใกล ไม่ไกลจากกรุงเทพฯเท่าไหรเป็นไงฟังชื่อสถานที่แล้วอยากไปไหมคะ คิดแล้วใช่ไหมคะว่าบรรยายกาศจะ สวยงามแค่ไหน อยากรู้ตามเรามาค่ะ.........
โยมเป็นหนึ่งในคณะทำงานที่จะต้องไปเตรียมงานก่อนทุกครั้ง จึงขอเล่าตั้งแต่เริ่มการเตรียมงานเลย ครั้งนี้งานของพวกเราเริ่มต้น 7 โมงครึ่งเหมือนทุกครั้งค่ะ เรานัดหมายกันที่หน้าสถาบันเพื่อขนเต๊นท์ละอุปกรณ์อย่างอื่นขึ้นรถที่นี่ถึงเวลาทุกคนมาตามเวลานัดหมายช่วยกันคนละไม้มือจนเสร็จด้วยบรรยากาศชื่นมื่นแจ่มใสกันทุกคน
เมื่อถึง 9 โมงเช้าเราจึงออกเดินทาง ครั้งนี้มีพระอาจารย์รวมเดินทางไปก่อน 3 รูปคือ พระอาจารยอริยะ พระอาจารยสุริยน และพระอาจารยโอเล่ค่ะ รถเคลื่อนล้อออก จุดหมายของเราคือ สาริการีสอร์ท นครนายก....... พวกเราออกเดินทางกันด้วยความหวัง.....
สิบเอ็ดโมงจะครึ่งเราก็เดินทางมาใกล้จุดหมายแวะพาพระอาจารย์กันเพลที่ร้านข้าวเหนียวส้มตำไก่ย่างข้าง ทาง ด้วยความหิว ทุกคนทานกันอย่างอเร็ดอร่อยและพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน รวมถึงวางแผนงานกัน ล่วงหน้าว่าไปถึงแล้วเราจะต้องทำอะไรกันบ้าง
เล่าต่อจากครั้งที่แล้วนะคะ พอพวกเรารับประทานอาหารเสร็จก็ออกเดินทางกัน ถามที่ร้านเค้าบอกว่า อีก 5 กิโลก็ถึง แต่พอเอาเข้าจริง E ขับรถแป๊ปเดียวก็ถึงแล้วค่ะ "สาริการีสอร์ท " ที่ถูกกล่าวขวัญถึงความ
เฮียธนวรรฒร้องเสียงหลงดังอีกครั้ง "อ้าวแล้วน้ำในสระหายไปไหน.." ทำให้คนที่ ไม่เคยมาสำรวจอย่างโยมหลายคนงงงงกัน แต่คนที่งงและแปลกใจมากกว่านั้นคือคนที่มาสำรวจสถานที่ ก็มีเฮีย พี่ขวัญ พี่นันค่ะ ทุกคนวิจารณนันอย่างแปลกใจในความ เปลี่ยนไปของสถานที่มองหาคนที่จะมาให้คำตอบเราก็ไม่มี ?!
สนามหญ้าทีเคยเขียวขจี(จากคำบอกเล่าของคนที่มาสำรวจ) วันนี้แห้งเหี่ยว แห้งแล้ง แถมยังถูก ขุดไปเป็นสนามแข่งรถจักรยานเบียดบังส่วนที่วางแผนไว้ว่าจะทำเป็นที่กางเต๊นท์ฆต้นไม้ยืนเหี่ยวเฉาใบ เหลือง สระน้ำกว้างใหญ่และเคยมีน้ำอยู่เต็ม กลายเป็นสระแห้ง แถมยังมีรถแม็คโคร รถบรรทุกขุดตักดินในสระ ส่งเสียงดังและมีฝุ่นคลุ้งกระจายกันไปทั่ว พวกเราเดินสำรวจสถานที่กันท่ามกลางความร้อนจัดของแสงแดด
ตอนกลางวัน ในที่สุดเฮียก็ลงความเห็นว่าอย่าเพิ่งกางเต๊นท์หรือทำอะไร ต้องรอ พี่ไพรัชและพี่ยุ(คุณไพรัชและ
คุณอัจฉรา มหาธารทิพย E ผู้ดูแลโครงการนิรสาสมาธิมาถึงก่อน ในขณะที่รอมีเจ้าหน้าที่ของทางรีสอร์ทมาพบแต่ก็ยังไม่ได้อะไรทีชัดเจนมากนัก พวกเราซึ่งบางคน ก็นั่งพักบางคนก็เดินสำรวจอยู่ใกล้ๆ ออกความคิดเห็นกันว่า นิรสาคราวนี้คงต้องกลับวัดดีกว่า หรือไม่ก็ต้องหา สถานที่ใหมถ้าหาที่ใกล้และเหมาะสมที่สุดก็คงจะเป็นโรงเรียนนายร้อยจปร. แต่ใครจะติดต่อให้หล่ะ
มาหลายท่านหลายคน เผยออกมาว่ามาเที่ยวนี้คณะทำงานจะมาเล่นน้ำให้ชุ่มปอด หลังจากเตรียมงานเสร็จเพราะ อากาศร้อนมาก และไห้สมกับครั้งก่อน(นิรสาที่เขื่อนแก่งกระจาน หลายคนอดเล่นน้ำกันเพราะต้องลุยงานกันหนักไม่มี เวลา) แต่ขอโทษค่ะทุกท่านทุกคน ชุดที่เตรียมมาให้สัมผัสน้ำน่ะคงต้องเก็บไว้ในกระเป็นเหมือนเดิมก่อนนะคะ
เวลาผ่านไปจนเกือบจะบ่าย 2 โมงครึ่งอากาศก็ยังร้อนจัดแต่ดีหน่อยที่ยังมีสายลมโชยมาบ้างเป็นครั้ง คราว ไม่นานพี่ไพรัชและพียุก็มาถึง ก็ได้คำตอบว่าคงต้องใช้ที่นี่เหมือนเดิม เพราะพี่ไพรัชได้ขับรถสำรวจบริเวณใกล้ๆ แล้วไม่มีสถานที่อื่น และทางพี่ยุก็ได้คุยกับทางผู้จัดการแล้วและได้วางมัดจำค่าอาหารเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็เลยต้อง
ลงมือทำงานกันอย่างขมักเขม้น เพราะเลยเวลาที่วางไว้มานานแล้วกลัวไม่ทันเวลา พวกเราทำหน้ากันอย่างรู้งานเพราะเคยทำงานร่วมกันมาหลายครั้งแล้ว ฝ่ายกางเต็นทก็มี พี่ไพรัชเป็นหัวเรือใหญ่มีเฮียธนวรรฒ ปอม พี่ศักดาพี่สุขสันต พีชูชีพ ลุงสุพรรณ น้องใหม่อีก 2 คนคือ พี่ดนัยประธานรุ่น 13 และพี่เอก น้องใหม่รุ่น 15 นอกจากนี้ก็พี่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งทำงานเก่งมากแต่ติดทีแม่ไม่สบาย เที่ยวนี้จึงไม่ได้มา ขออนุญาตเอ่ยนามค่ะ คือพี่ต้อย ยาดม ของเรา ขอบอกว่าพี่ต้อยไม่ได้มาคราวนี้ทุกคนเหงาหู และเหงาปากม E กเลยโดยเฉพาะน้องปอม ก็ขอให้คุณแม่หายป่วยเร็วๆนะคะ จะได้มาร่วมงานกันอีก พวกเราทุกคน ยังคิดถึงอยู่นะ.........และโยมก็อยู่ในคณะกางเต๊นท
ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งที่เข้มแข็งและงานหนักไม่แพ้กันก็คือ ฝ่ายอาหารและเครื่องดื่ม มีพียุ (คุณอัจฉรา) เป็น แม่งานใหญ่ค่ะ พอมาถึงก็รีบบอกพวกเราว่าต้องใช้สถานที่นี้แน่นอน แล้วก็ลงมือยกโต เก้าอี้จัดเตรียมสถานที่เอง โดยไม่ได้พักและห่วงความสวยเลยค่ะพร้อมทั้งต้องดูแลความเรียบร้อยอย่างอื่นด้วยน่าชื่นชมพี่ยุจริงๆค่ะ และนอกจากนั้น ก็มี พี่ขวัญ พี่นัน ที่เก่งทางด้านการเตรียมการด้านอาหารและเครื่องดื่ม ลงมือทำงานกันอย่างลืม เหนื่อยเหมือนกัน
พวกเราทำงานแข่งกับเวลาท่ามกลางความร้อนจัดของแสงแดดในช่วงบ่ายสามแก่ๆ โดยที่ไม่มีใครบ่น ไม่นานก็ได้ยินพี่ยุบอกว่ากำลังคุยกับพระอาจารยวุฒิไกร ที่โทรมาจากแคนาดา ทุกคนได้ยินต่างยิ้มออกไปตามๆกัน ต่างส่งเสียงถามกันว่าพระอาจารย็สบายดีไหม บ้างก็บอกว่าคิดถึงท่าน ด้วยสีหน้าและแววตาที่แสดงความดีใจโดย เฉพาะพี่ขวัญและพี่นันที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เพราะเคยทำงานกับท่านจนรู้ใจกันเป็นอย่างดี พี่ยุก็เลยให้หลายคนได้คุยกับ ท่านเพื่อจะได้หายคิดถึง น้ำเสียงของท่านยังสดใสเหมือนเดิม เปี่ยมด้วยเมตตาและความเป็นห่วงเป็นใย ไม่เปลี่ยนแปลง ก่อนจะตัดสายท่านยังได้บอกว่าให้ถ่ายรูปเก็บไว้เยอะๆแล้วให้เณรส่งรูปไปให้ด้วยท่านจะนำภาพ ลงเวฟไซส์ที่ท่านกำลังสร้างเพื่อแสดงมุทิตาจิตถวายหลางพ่อ ก็ขออนุโมทนาด้วยค่ะพระอาจารย์ ท่านโทรมา
ครั้งนี้เหมือนหอบเอาหิมะจากเมืองหนาวสู่เมืองร้อนให้ชุ่มเย็น พวกเราก็เลยมีกำลังในการทำงานไปตามๆกันค่ะ เกือบๆทุ่มหนึ่ง เต็นทจำนวนเกือบ 200 เต็นทก็ถูกกางจนเสร็จเต็มสนามหญ้า ด้วยความร่วมมือร่วมใจกัน ของคณะทำงานทุกคนและคนงานของรีสอร์ทอีกประมาณ 10 คน ฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มก็เรียบร้อยเช่นกัน ทุกคนยังพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานโดยไม่ไม่ได้แสดงความเหนื่อยล้าให้เห็น พี่ไพรัชตรวจดูความเรียบร้อย ก่อนที่พาทุกคนออกไปทานข้าวเย็นกัน หลังจากนั้นทุกคนจึงกลับมาที่พักอาบน้ำเตรียมตัวต้อนรับคณะที่จะมาจาก กรุงเทพอีกครั้งหนึ่ง ท่านกลางความวิตกกังวลของพวกเราทุกคนโดยเฉพาะพี่ไพรัชและพี่ยุที่เป็นห่วงว่าพรุ่งนี้เช้า
คณะนิรสาของพวกเรา จะมีอะไรทานกันหรือเปล่า......เพราะในครัวของรีสอร์ทตอนนี้ยังไม่เห็นวี่แววของแม่ครัว หรืออาหารที่จะจัดเตรียมไว้เลย แต่เราได้รับคำตอบว่า 5 ทุ่มครึ่งคืนนี้อาหารจะมาถึง พวกเราต้องมาลุ้นกันต่อ.... 5 ทุ่มครึ่งคือนี้จะมีอะไรไหม..........
คณะนิรสาของพระอาจารย์มหาสุพลเดินทางมาถึงเกือบเกือบจะ 5 ทุ่ม รถคันที่ 1 เข้ามาถึงก่อน รถยังไม่จอด เทียบแต่เห็นป้าปรุงนั่งอยู่บนรถโบกมือส่งยิ้มให้มาแต่ไกล พวกเราดีใจที่เห็นป้ามาด้วยในครั้งนี้ หลังจากนั้นทุกคน ลงจากรถก็นำกระเป๋าวางไว้ก่อน ทุกคนมารวมกันที่ลานทำวัตรสวดมนต์ก่อนฟังคำชี้แจงเรื่องสถานที่ ว่าที่พักอยู่ตรงไหนบ้าง ห้องน้ำอยู่ที่ใด น้ำปานะอยู่ตรงไหน หลังจากนั้นพระอาจารย์ก็นำทำวัตรสวดมนต์เย็น เสร็จแล้วจึงแยกย้ายกันเข้าเต๊นท์นอน คืนนี้อากาศดีไม่หนาวจนเกินไปแต่ลมแรงพัดเต๊นท์เสียงดังซู่ๆตลอดคืน พระจันทร์เดือนหงายสว่างทั่วฟ้าถึงแม้จะไม่ใช่คืนเดือนเพ็ญก็ตาม หลายคนคงนอนหลับฝันดีรวมถึงผู้เขียนด้วย แต่ อีกหลายคนคงนอนไม่หลับเพราะคุยกันเกือบทั้งคืน
รุ่งเช้าวันใหม่เสียงระฆังให้สัญญาณ ตอนตี 5 ทุกคนตื่นขึ้นมาทำภาระกิจส่วนตัว เสร็จแล้วมารวมกันทีลานทำ วัตรเพื่อทำวัตรสวดมนต์เช้า เช้านี้อากาศเย็นนิดหน่อยแต่สดชื่นดี ภาพพ่อขาวแม่ขาวนั่งสวดมนต์กันยามเช้าบวกกับ บรรยากศดีๆแบบนี้ดูแล้วน่าศรัทธายิ่งนัก หลังจากนั้นจึงเดินจงกรมนั่งสมาธิและใส่บาตรกันเป็นรายการต่อไป กิจกรรมยามเช้าจบลงเมื่อทุกคนรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย และแล้วรายการที่ทุกคนรอยคอยก็มาถึง
นั่นคือการ"เดินธุดงค์"แบบมินิ ซึ่งถ้าใครไม่ได้เดินธุดงค์ถือว่าไม่ได้มานิรสานอกสถานที่ก็ว่าได้ คราวนี้แฟนพันธุ์แท้นิรสาหลายคนเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดีทั้งรองเท้าเดินป่า ชุดขาวที่ใส่ จากที่เป็นผ้าถุงก็เป็น กางเกงแทน เพราะมีประสบการณ์ที่เขื่อนแก่งกระจานมาแล้วเกือบทุกคน ครั้งนี้ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียว กันว่า "สบ๊าย" แก่งกระจานก็ทีว่าโหดก็ผ่านมาแล้วประวัติศาสตร์ต้องไม่ซ้ำรอยแน่นอน ขนาดลุงเชาว์อายุ 79 และ เป็นโรคหัวใจยังไม่กลัว เตรียมตัวมาเดินเต็มที่แถมมาคราวนี้ยังชวนเพื่อนรักอย่างลุงอินวัย 83 ปีมาด้วยทั้งที่
|