พระวินัยปิฎก


ปาราชิกกัณฑ์
ปฐมปาราชิกสิกขาบท
เรื่องพระสุทินน์

สมัยนั้น ไม่ห่างจากเวสาลีมีบ้านตำบลหนึ่งชื่อ กลันทะ มีบุตรชาวบ้านกลันทะผู้หนึ่งชื่อ สุทินน์ ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคประทับแสดงธรรมอยู่ สุทินน์เห็นพระผู้มีพระภาค คิดว่าไฉนเราจะพึงได้ฟังธรรมบ้าง รำพึงว่า ด้วยวิธีอย่างไร เราจึงจะรู้ทั่วถึงธรรมที่พระองค์แสดงแล้ว อันบุคคลที่ยังครองเรือนอยู่ จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริบูรณ์ ให้บริสุทธิ์โดยส่วนเดียว ทำไม่ได้ง่าย เราพึงปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายา ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต เขาได้เข้าไปเฝ้า แล้วกราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ขอพระองค์โปรดให้ข้าพระพุทธเจ้าบวชเถิด พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า บิดามารดาอนุญาตให้บวชเป็นบรรพชิตแล้วหรือ สุทินน์ตอบว่า ยังไม่ได้อนุญาต
พ. ตถาคตทั้งหลาย ย่อมไม่บวชบุตรที่มารดา บิดายังไม่ได้อนุญาต
ส. ข้าพระพุทธเจ้าจักกระทำโดยวิธีที่มารดา บิดา อนุญาต

ขออนุญาตบวช
สุทินน์ เข้าหามารดาบิดา แล้วกล่าวขอบวช มารดา บิดา กล่าวแก่เขาว่า เจ้าเป็นบุตรคนเดียว ฯลฯ เหตุไฉน เราจักอนุญาติให้เจ้าบวชเป็นบรรพชิตได้เล่า
แม้ครั้งที่สอง และครั้งที่สาม สุทินน์ขอบวช แต่ มารดา บิดาก็ไม่ยินยอม สุทินน์ตัดสินใจว่า การตายหรือการบวชจักมีแก่เราในที่นี้แล้ว เขาไม่ยอมบริโภคอาหาร
มารดาบิดาไม่อนุญาต
มารดาบิดาของเขาก็ยังยืนยันคำเดิมอยู่ แม้ครั้งที่สอง ละครั้งที่สามแต่สุทินน์ก็ได้แต่นิ่ง

พวกสหายช่วยเจรจา
พวกสหายช่วยกันพูดในทำนองเดียวกัน แม้ครั้งที่สองและครั้งที่สาม แต่สุทินน์ก็ได้แต่นิ่งอยู่ เมื่อไม่สำเร็จพวกสหายจึงสรุปผลว่า ถ้ามารดาบิดาไม่อนุญาตให้เขาออกบวชก็จะตาย ดังนั้น ขอจงอนุญาตให้สุทินน์ออกบวชเถิด มารดาบิดาจึงยินยอมให้เขาออกบวช

สุทินน์กลันทบุตรออกบวช

สุทินน์ก็ได้รับบรรพชาในพุทธสำนัก เมื่อพระสุทินน์อุปสมบทแล้วไม่นาน ได้ประพฤติสมาทานธุดงค์คุณคือ เป็นผู้ถืออรัญญิก ปิณฑปาติก ปังสุกูลิก สมาทานจาริกธุดงค์ พำนักอยู่ใกล้หมู่บ้านชาววัชชีตำบลหนึ่ง
พระสุทินน์เยี่ยมสกุล

สมัยนั้นวัชชีชนบทอัตคัตอาหาร ฯลฯ พระสุทินน์ มีความคิดว่าก็แลญาติของเราในเวสาลีมีมาก ฯลฯ เราพึงเข้าไปพำนักอยู่ใกล้หมู่ญาติ แม้หมู่ญาติก็จักได้อาศัยเราให้ทานบุญ และภิกษุทั้งหลายจักได้ลาภ ทั้งเราจักไม่ลำบากด้วยบิณฑบาตร ดังนั้น พระสุทินน์จึงไปสู่เวสาลี พำนักอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน บรรดาญาติพระสุทินน์ ทราบข่าว จึงนำภัตตรหารไปถวาย พระสุทินน์สละภัตตาหาร เหล่านั้นถวายแก่ภิกษุทั้งหลาย แล้วเข้าไปบิณฑบาตรยังกลันทคาม พอดีทาสีญาติพระสุทินน์ จำพระสุทินน์ได้ จึงรีบเข้าไปหามารดาพระสุทินน์ แจ้งว่าพระสุทินน์กลับมาแล้ว

ขณะที่พระสุทินน์กำลังอาศัยพะไลเรือนแห่งหนึ่ง ฉันขนมสดอยู่นั้น พอดีบิดาพระสุทินน์ แลเห็นจึงเดินเข้าไปหาแล้วกล่าวว่า พ่อควรไปเรือนของตนมิใช่หรือ พระสุทินน์ตอบว่า รูปได้ไปสู่เรือนคุณโยมแล้ว บิดาพระสุทินน์จับแขนท่านแล้วว่า เราจักไปเรือนกัน พระสุทินน์ได้เดินตามไปสู่เรือนบิดา บิดาท่านได้กล่าวกับท่านว่า จงฉันเถิดพ่อสุทินน์ พระสุทินน์ตอบว่า อย่าเลยคุณโยมภัตกิจในวันนี้รูปทำเสร็จแล้ว บิดาท่านจึงอาราธนาว่า พ่อสุทินน์ จงรับนิมนต์ฉันภัตตาหารในวันพรุ่งนี้เถิด พระสุทินน์รับนิมนต์แล้วกลับไป

บิดาวิงวอนให้สึก

มารดาพระสุทินน์สั่ง ให้จัดกองทรัพย์เป็นกองใหญ่ ให้ปิดกองทรัพย์ด้วยลำแพน ให้จัดอาสนะไว้ในท่ามกลาง แล้วเรียกปุราณทุติยิกาของพระสุทินน์มาสั่งว่า เจ้าจงแต่งกาย
อันจะเป็นเหตุให้ลูกสุทินน์เกิดความรักใคร่พอใจ
เช้าวันนั้น บิดาพระสุทินน์เข้าไปหาท่าน แล้วให้คนเปิดกองทรัพย์เหล่านั้นออกกล่าวว่า พ่อสุทินน์พ่อจงกลับมาเป็นคฤหัส จะได้ใช้สอยโภคสมบัติและบำเพ็ญบุญ
พระสุทินน์ตอบว่า รูปไม่อาจ ไม่สามารถ รูปยังยินดีประพฤติพรหมจรรย์อยู่ แม้ครั้งที่สอง และครั้งที่สาม แต่พระสุทินน์ก็ปฏิเสธ และกล่าวว่ารูปขอพูดกะคุณโยมบ้าง
บ. พูดเถิด พ่อสุทินน์
ส. คุณโยมจงสั่งให้เขาทำกระสอบป่านใหญ่ ๆ บรรจุเงินและทองให้เต็มบรรทุกเกวียนไป แล้วให้จมลงในแม่น้ำคงคา เพราะความกลัวก็ดี ความหวาดเสียวก็ดี อันมีทรัพย์เป็นเหตุ ที่จักเกิดแก่คุณโยมนั้น
บิดาของท่านไม่พอใจว่าไฉนพระสุทินน์จึงพูดอย่างนี้ และแล้วได้เรียกปุราณทุติยิกาของพระสุทินน์
มาบอกว่า บางทีลูกสุทินน์จะพึงทำตามคำของเจ้าบ้าง นางได้จับเท้าพระสุทินน์ถามว่า นางอัปสรผู้เป็นเหตุ ให้ท่านประพฤติพรหมจรรย์นั้นชื่อเช่นไร พระสุทินน์ตอบว่า น้องหญิง ฉันไม่ได้ประพฤติพรหมจรรย์ เพราะเหตุแห่งนางอัปสรเลย พระสุทินน์กล่าวกับบิดาว่า คุณโยม ถ้าโภชนะที่จะพึงให้มีก็จงให้เถิด อย่ารบกวนรูปเลย มารดาบิดาของท่านจึงกล่าวว่า ฉันเถิดพ่อสุทินน์ แล้วอังคาสท่านด้วยขาทนียโภชนียาหาร อันประณีตด้วยมือของตน จนให้ห้ามภัต แล้วมารดาของท่านจึงกล่าวว่า พ่อควรกลับมาเป็นคฤหัส ฯลฯ
พระสุทินน์ตอบว่า รูปไม่อาจ ฯลฯ
แม้ครั้งที่สอง พระสุทินน์ก็ยังยืนยันเช่นเดิม
ในครั้งที่สาม มารดาของท่านได้กล่าวเพิ่มเติมว่า พ่อจงให้พืชพันธุ์ไว้บ้าง พวกเจ้าลิจฉวีจะได้ไม่ริบทรัพย์สมบัติของเรา อันหาบุตรผู้สืบสกุลมิได้ไปเสีย
พระสุทินน์ตอบว่าเฉพาะเรื่องนี้รูปอาจทำได้ แล้วกลับไป

เสพเมถุนธรรม

หลังจากนั้น มารดาของท่านสั่งกำชับปุราณทุติยิกาของท่านว่า เมื่อใดเจ้ามีระดูพึงบอกแม่ นางรับคำ ต่อมานางมีระดู มารดาพระสุทินน์ จึงพานางเข้าไปหาพระสุทินน์ที่ป่ามหาวัน มารดาของท่านได้กล่าว ขอในเรื่องพืชพันธุ์ พระสุทินน์ตอบว่า เรื่องนี้อาจทำได้ ท่านตอบแล้วจึงจูงแขนปุราณทุติยิกาพาเข้าป่ามหาวัน เป็นผู้มีความเห็นว่าไม่มีโทษ เพราะสิกขาบทยังมิได้ทรงบัญญัติ จึงให้มารยาทของคนคู่เป็นไปใน ปุราณทุติยิกา 3 ครั้ง นางได้ตั้งครรภ์ เพราะอัชฌาจารนั้น

เทพเจ้ากระจายเสียง

เหล่าภุมเทพกระจายเสียงว่า ภิกษุสงฆ์ไม่มีเสนียดไม่มีโทษ พระสุทินน์ก่อเสนียดขึ้นแล้ว ก่อโทษขึ้นแล้ว เทพชั้นจาตุมหาราชได้สดับแล้วกระจายเสียงต่อไป เทพชั้นดาวดึงส์ เทพชั้นยามา เทพชั้นดุสิต เทพชั้นนิมมานรดี เทพชั้นปรนิมมิตวสวดี เทพที่นับเนื่องในหมู่พรหมได้สดับเสียง เสียงได้กระจายขึ้นไปถึงพรหมโลก
สมัยต่อมา ปุราณทุติยิกาของพระสุทินน์คลอดบุตร ตั้งชื่อทารกนั้นว่าพัชกะ
ตั้งชื่อปุราณทุติยิกาพระสุทินน์ว่า พัชกมาตา ตั้งชื่อพระสุทินน์ว่าพัชกปิตา
ภายหลังเขาทั้งสองได้ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ทำให้แจ้งซึ่งพระอรหัตแล้ว

พระสุทินน์เกิดวิปฏิสาร

ครั้งนั้นความเดือดร้อนได้เกิดแก่พระสุทินน์ว่า เราได้ชั่วแล้วหนอ เพราะเราบวชในพระธรรม วินัยที่พระผู้มีภาคตรัสไว้อย่างนี้แล้ว ยังไม่สามารถประพฤติพรหมจรรรย์ ให้บริบูรณ์บริสุทธิ์ได้ตลอดชีวิต เพราะความเดือดร้อนนี้ท่านได้ซูบผอม เศร้าหมองมีใจหดหู่ มีทุกข์โทมนัส มีวิปฎิสังขารซบเซาแล้ว
บรรดาภิกษุที่เป็นสหาย ได้กล่าวแก่ท่านว่า คุณจะไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์กระมังหนอ
พระสุทินน์ตอบว่า มิใช่ว่าผมจะไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ แต่เพราะบาปกรรมที่ผมทำไว้มีอยู่ ผมได้เสพเมถุนธรรมในปุราณทุติยิกา ผมจึงได้มีความเดือดร้อน ฯลฯ
อาวุโส สุทินน์ การที่คุณบวชในพระธรรมวินัยที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว อย่างนี้แล้วยังไม่สามารถ ประพฤติพรหมจรรย์ ให้บริบูรณ์บริสุทธิ์ได้ตลอดชีวิตนั้น พอที่คุณจะเดือดร้อน
อาวุโส ธรรมอันพระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้ว โดยเอนกปริยาย เพื่อคลายความกำหนัด
ไม่ใช่เพื่อมีความกำหนัด เพื่อความพรากไม่ใช่เพื่อความประกอบ เพื่อความไม่ถือมั่นไม่ใช่เพื่อความถือมั่น มิใช่หรือ เพื่อธรรมชื่อนั้น เพื่อคลายกำหนัด คุณยังจะคิดเพื่อมีความกำหนัด เมื่อทรงแสดงเพื่อความพราก คุณยังคิดเพื่อความประกอบ เมื่อทรงแสดงเพื่อความไม่ถือมั่น คุณยังจักคิดเพื่อความถือมั่น
อาวุโส ธรรมอันพระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วโดยเอนกปริยาย เพื่อเป็นที่สำรอกแห่งราคะ เพื่อเป็นที่สว่างแห่งความเบา (เพื่อเป็นที่) ดับสูญแห่งความกระหาย (เพื่อเป็นที่หลุดถอนแห่งอาลัย) (เพื่อเป็นที่) เข้าไปตัดแห่งวัฏฏะ (เพื่อเป็นที่) สิ้นตัณหา เพื่อคลายความกำหนัด เพื่อความดับทุกข์ เพื่อนิพพานมิใช่หรือ
อาวุโส การละกาม การกำหนดรู้ความหมายในกาม การกำจัดความกระหายในกาม การเพิกถอนความตรึกอันเดี่ยวด้วยกาม การระงับความกลัดกลุ้มเพราะกาม พระผู้มีพระภาคตรัสบอกไว้โดย เอนกปริยายมิใช่หรือ
อาวุโส การกระทำของคุณนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใส ของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่ง ของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว โดยที่แท้การกระทำของคุณนั่น เป็นไปเพื่อความไม่เลื่อมใส ของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส และเพื่อความเป็นอย่างอื่นของชนบางพวกที่เลื่อมใสแล้ว
ภิกษุสหายเหล่านั้น ติเตียนพระสุทินน์ โดยเอนกปริยายดังนี้แล้ว
ได้กราบทูลเนื้อความนั้นแด่พระผู้มีพระภาค

ทรงประชุมสงฆ์บัญญัติสิกขาบท

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามพระสุทินน์ว่า ข่าวว่าเธอเสพเมถุนธรรมในปุราณทุติยิกาจริงหรือ พระสุทินน์ตอบว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาค ทรงติเตียนว่า โมฆบุรุษ การกระทำของเธอนั่นไม่เหมาะ ไม่สมไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ เธอบวชในธรรมวินัยที่เรากล่าวไว้ดีอย่างนี้แล้ว ไฉน จึงไม่สามารถประพฤติพรหมจรรย์ ให้บริบูรณ์บริสุทธิ์ได้ตลอดชีวิตเล่า
ดูกร โมฆบุรุษ ธรรมอันเราแสดงโดยเอนกปริยาย เพื่อคลายความกำหนัด เพื่อความพราก ไม่ใช่เพื่อความประกอบ เพื่อความไม่ถือมั่น ไม่ใช่เพื่อความถือมั่น มิใช่หรือ เมื่อธรรมชื่อนั้น อันเราแสดงแล้ว เพื่อคลายความกำหนัด เธอยังจักคิดเพื่อมีความกำหนัด เราแสดงเพื่อความพราก เธอยังจักคิดเพื่อความประกอบ เราแสดงเพื่อความไม่ถือมั่น เธอยังจักคิดเพื่อมีความถือมั่น
ดูกร โมฆบุรุษ ธรรมอันเราแสดงแล้วโดยเอนกปริยาย เพื่อเป็นที่สำรอกแห่งราคะ เพื่อเป็นที่สว่างแห่งความเบา เพื่อเป็นที่ดับสูญแห่งความระหาย เพื่อเป็นที่หลุดถอนแห่งความอาลัย เพื่อเป็นที่เข้าไปตัดแห่งวัฏฏะ เพื่อเป็นที่สิ้นแห่งตัณหา เพื่อเป็นที่สำรอกแห่งตัณหา เพื่อเป็นที่ดับแห่งตัณหา เพื่อออกไปจากตัณหาชื่อวานะ มิใช่หรือ
ดูกร โมฆบุรุษ การละกาม การกำหนดความหมายในกาม การกำจัดความระหายในกาม การเพิกถอนความตรึกอันเกี่ยวด้วยกาม การระงับความกลัดกลุ้มเพราะกาม เราบอกไว้แล้วโดยเอนกปริยาย
ดูกร โมฆบุรุษ องค์กำเนิด อันเธอสอดเข้าไปในปากอสรพิษที่มีพิษร้ายยังดีกว่า อันองค์กำเนิดที่เธอสอดเข้าในองค์กำเนิดของมาตุคามไม่ดีเลย ฯลฯ องค์กำเนิดที่เธอสอดเข้าในหลุมถ่านไฟ ที่ไฟติดลุกโชนยังดีกว่า ฯลฯ
ข้อที่เราว่าดีนั้น เพราะเหตุไร เพราะบุคคลผู้สอดองค์กำเนิดเข้าไปในปากอสรพิษเป็นต้นนั้น พึงถึงความตาย หรือความทุกข์เพียงแค่ตาย ซึ่งมีการกระนั้นเป็นเหตุ และเพราะการกระทำนั้นเป็นปัจจัย เบื้องหน้าแต่แตกการตายไป ไม่พึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ส่วนบุคคลผู้ทำการสอดองค์กำเนิด เข้าในองค์กำเนิดของมาตุคามนั้น เบื้องหน้าแต่แตกกายตายไป พึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ซึ่งมีการกระทำนี้เป็นเหตุ
ดูกร โมฆบุรุษ เมื่อการกระทำนั้น มีโทษอยู่ เธอยังชื่อว่าได้ต้องอสัทธรรม อันเป็นเรื่องของชาวบ้าน เป็นมรรยาทของคนชั้นต่ำ อันชั่วหยาบ มีน้ำเป็นที่สุด มีในที่ลับ เป็นของคนคู่ อันคนคู่พึงร่วมกันเป็นไป เธอเป็นคนแรกที่กระทำอกุศลธรรม เป็นหัวหน้าของคนเป็นอันมาก การกระทำของเธอนั้น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว การกระทำของเธอนั่น เป็นไปเพื่อความไม่เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส และเพื่อความเป็นอย่างอื่นของชนบางพวกที่เลื่อมใสแล้ว
พระผู้มีพระภาคทรงติเตียนพระสุทินน์ โดยเอนกปริยายดังนี้แล้ว ตรัสโทษแห่งความเป็นคนเลี้ยงยาก ความเป็นคนบำรุงยาก ความเป็นคนมักมาก ความเป็นคนไม่สันโดษ ความคลุกคลี ความเกียจคร้าน ตรัสคุณแห่งความเป็นคนเลี้ยงง่าย ความเป็นคนบำรุงง่าย ความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัด อาการที่น่าเลื่อมใส การไม่สะสม การปรารภความเพียร โดยเอนกปริยาย ทรงกระทำธรรมมิกถา
ที่สมควรแก่เรื่องนั้นที่เหมาะแก่เรื่องนั้น แก่ภิกษุทั้งหลาย แล้วรับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำนาจประโยชน์
10 ประการ คือ เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ 1 เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ 1 เพื่อช่วบบุคคลที่เก้อยาก 1 เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก 1 เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน 1 เพื่อกำจัดอาสวะอันเกิดในอนาคต 1 เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส 1 เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว 1 เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรมพระวินัย 1 พวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ว่าดังนี้

 

พระปฐมบัญญัติ
ก็ภิกษุใด เสพเมถุนธรรม เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้

ก็สิกขาบทนี้ ย่อมเป็นอันพระผู้มีพระภาค ทรงบัญญัติแล้วแก่ภิกษุทั้งหลายด้วยประการฉะนี้

เรื่องลิงตัวเมีย

สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งเอาเหยื่อล่อลิงตัวเมียในป่ามหาวัน แล้วเสพเมถุนธรรมในลิงตัวนั้นเสมอ ครั้นเวลาเช้า ภิกษุนั้น เข้าไปบิณฑบาตรในเวสาลี
ครั้งนั้น ภิกษุหลายรูปเดินผ่านเข้าไปทางที่อยู่ของภิกษุนั้น ลิงตัวเมียนั้น จึงได้เข้าไปหาภิกษุเหล่านั้น ทำนินิต เบื้องหน้าภิกษุเหล่านั้น ภิกษุเหล่านั้น จึงสันนิฐานว่า ภิกษุเจ้าของคงเสพเมถุนธรรมในลิงตัวเมียนี้แน่
แล้วแฝงอยู่ ณ ที่กำบังแห่งหนึ่ง
เมื่อภิกษุเจ้าถิ่น ถือบิณฑบาทกลับมาแล้ว ลิงตัวเมียนั้นได้เข้าไปหา จึงภิกษุนั้นเสพเมถุนธรรมในมัน
ทันใด ภิกษุเหล่านั้นได้กล่าวกะภิกษุนั้นว่า พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติสิกขาบทไว้แล้วมิใช่หรือ เหตุใดคุณจึงได้เสพเมถุนธรรมในลิงตัวเมียนี้เล่า
ภิกษุนั้นยอมรับ แต่ค้านว่า พระบัญญัตินั้นเฉพาะหญิงมนุษย์ ไม่เกี่ยวกับสัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย
ภิกษุ เหล่านั้นกล่าวว่า พระบัญญัตินั้น ย่อมเป็นเหมือนกันหมดมิใช่หรือ การกระทำของคุณนั่นไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ฯลฯ ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใส ฯลฯ
ภิกษุเหล่านั้น ติเตียนภิกษุนั้นแล้ว ได้กราบทูลเนื้อความนั้นแด่พระผู้มีพระภาค

ทรงประชุมสงฆ์บัญญัติอนุบัญัติ 1

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ เพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามภิกษุนั้นว่า ข่าวว่าเธอเสพเมถุนธรรมในลิงตัวเมีย จริงหรือ
ภิกษุนั้น ทูลสารภาพว่าจริง พระผู้มีพระภาคทรงติเตียนว่า ดูกร โมฆบุรุษ ฯลฯ องค์กำเนิดอันเธอสอดเข้าในปากอสรพิษที่มีพิษร้าย ยังดีกว่าที่เธอสอดเข้าในองค์กำเนิดลิงตัวเมีย ฯลฯ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้

 

พระอนุบัญญัติ 1
อนึ่ง ภิกษุใดเสพเมถุนธรรมโดยที่สุด
แม้ในสัตว์ดิรัจฉานตัวเมียเป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้

เรื่องภิกษุวัชชีบุตร

สมัยนั้น ภิกษุวัชชีบุตร หลายรูป ทำในใจโดยไม่แยบคาย ไม่บอกคืนสิกขา ไม่ทำความเป็นผู้ทุรพลให้แจ้ง ได้เสพเมถุนธรรม วัชชีบุตรพวกนั้นถูกความพินาศแห่งญาติ ถูกความวอดวายแห่งโภคะ ถูกความเสื่อม คือโรคเบียดเบียนแล้วบ้าง จึงเข้าไปหาพระอานนท์ กล่าวว่า พวกกระผมซึ่งบวชในพระธรรมวินัย ที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว ไม่สามารถประพฤติพรหมจรรย์ ให้บริบูรณ์บริสุทธิ์ได้ตลอดชีวิต ถ้าพวกกระผมพึงได้บรรพชา พึงได้อุปสมบทในสำนักพระผู้มีพระภาค จะพึงเป็นผู้เห็นแจ้งซึ่งกุศลธรรม หมั่นประกอบความเพียรในการเจริญโพธิปักขิยธรรม พวกกระผมขอโอกาส ขอท่านได้กราบทูลความข้อนี้ แด่พระผู้มีพระภาค
พระอานนท์รับคำ แล้วกราบทูลเรื่องให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ การที่ตถาคตจะพึงถอนปาราชิกสิกขาบทที่บัญญัติแล้วแก่สาวกทั้งหลาย เพราะเหตุแห่งพวกวัชชี หรือพวกวัชชีบุตรนั้นไม่ใช่ฐานะ ไม่ใช่โอกาส

ทรงบัญญัติอนุบัญญัติ 2

ครั้งนั้น พระองค์ทรงกระทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดแลเป็นภิกษุไม่บอกคืนสิกขา ไม่ทำความเป็นผู้ทุรพลให้แจ้ง เสพเมถุนธรรม ผู้นั้นสงฆ์ไม่พีงอุสมบทให้ ส่วนผู้ใดแลเป็นภิกษุบอกคืนสิกขา ทำความเป็นผู้ทุรพลให้แจ้งแล้ว เสพเมถุนธรรม ผู้นั้นสงฆ์พึงอุสมบทให้