ภูกระดึงเป็นภูเขายอดตัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากภูกระดึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ภูมิทัศน์ที่สวยงาม เป็นต้นว่า ทุ่งหญ้าป่าสน น้ำตก พืชหาดูได้ยาก ตลอดจนหน้าผาที่สามารถมองทิวทัศน์ออกไปได้กว้างไกล จากความยากลำบากในการปีนขึ้นเขา ที่สูงชัน ความเหนื่อยล้า แต่สิ่งเหล่านี้กลับไม่ทำให้นักท่องเที่ยวลดน้อยลงเลย กลับมีมากขึ้น เพราะทุกคนรู้ดีว่าหลังจากความลำบาก ยังมีความสวยงามที่หาไม่ได้จากที่ไหน รออยู่ และยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้พิชิกภูกระดึง

การเดินทาง

เริ่มต้นจากตัวจังหวัดเลย มาตามทางหลวงหมาย 201 ( เลย-ชุมแพ) เมื่อถึง อำเภอภูกระดึง ให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2019 จนไปสิ้นสุดที่ที่ทำการฯ รวมระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร หรือถ้ามาจากทางจังหวัดชัยภูมิหรือจังหวัดขอนแก่น ก็ใช้ทางหลวงหมายเลข 201 เช่นเดียวกัน ผ่านอำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น เมื่อเข้าเขต จังหวัดเลย จะผ่านบ้านผานกเค้า ตรงไปอีกราว 8 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายตรงสามแยก เข้าทางหลวงหมายเลข 2019 แล้วตรงไปจนถึงที่ทำการฯ

เตรียมตัวขึ้นภูกระดึง

เส้นทางเดินขึ้นสู่ภูกระดึงมีระยะทางไกลและลำบาก ตั้งไต่ขึ้นเขาตลอด ซึ่งเส้นทางเดินคดเคี้ยวสูงชัน นักท่องเที่ยวจำเป็นที่จะต้องแต่งกายในชุดที่สะดวก รัดกุม นอกจากการแต่งกายแล้ว อุปกรณ์ที่จำเป็นในการท่องเที่ยวในครั้งนี้จำเป็นที่จะต้องมี เสื้อกันหนาวและเสื้อกันฝน ยาทาแก้ปวดเมื้อย เคล็ดขัดยอก กล้องถ่ายรูปพร้อมฟิล์ม กระติกน้ำดื่ม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นในการท่องเที่ยวที่ภูกระดึง

การเดินขึ้นภูกระดึง เราควรที่จะออกเดินขึ้นภูกระดึงในช่วงเช้า เพราะอากาศไม่ร้อนจนเกินไป จากนั้นก็ค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ ชมธรรมชาติสองข้างทาง สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราไม่เหนื่อยในการเดินขึ้นภู ทั้งยังได้ชมธรรมชาติสองข้างทางอีกด้วย

ทำความรู้จักลูกหาบ

ลูกหาบ คำนี้ถ้าใครยังไม่ทราบว่า ลูกหาบคืออะไร มีความสำคัญ มากน้อยขนาดไหนลองอ่านในหัวข้อนี้นะครับ จะเข้าใจดียิ่งขึ้นครับ คำว่า "ลูกหาบ" นั้นหมายถึง คนที่ช่วยบริการหาบสัมภาระของเราขึ้นบนภูกระดึงครับ ถ้าใครมีสัมภาระมากๆ หรือมีน้อยแต่ไม่ต้องการแบกเอง ก็สามารถใช้บริการได้ครับ

การใช้บริการนั้น ให้เราไปยังศาลารับสัมภาระหลังศูนย์บริการฯ จากนั้นก็ซื้อบัตรรับสัมภาระในราคาใบละ 10 บาท นำสัมภาระของเราไปชั่งน้ำหนัก โดยราคาค่าหาบสัมภาระ คิดค่าบริการกิโลกรัมละ 12 บาท (ยังไม่ต้องชำระค่าหาบ) จากนั้นเราก็เก็บหางบัตรไว้เป็นหลักฐาน เมื่อถึงยอดภูกระดึง (หลังแป) แล้วก็เดินไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และรับกระเป๋าได้ที่ ศาลารับสัมภาระหลังศูนย์บริการฯ นำหางบัตรที่เก็บไว้ไปรับกระเป๋า และทำการชำระค่าหาบ

สถานที่ท่องเที่ยวบนภูกระดึง

สถานที่ท่องเที่ยวบนภูกระดึง มีมากมายหลายแห่งให้เราได้ชม ความงามของธรรมชาติ ที่ถูกสร้างสรรค์ ดุจสวรรค์ก็ไม่ปาน มีหลายๆ คนที่ได้พบแล้วก็กลับมาชมอีก

เที่ยวน้ำตก เส้นทางที่เราใช้เที่ยวน้ำตกนั้น เราจะเดินลัดเลาะไปตามห้วย ที่รายล้อมด้วยป่าดงดิบเขาเป็นระยะทาง 5-6 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางเดินที่เป็นวงกลม เราจะได้พบกับธรรมชาติที่สวยงาม นกป่าหลากชนิด และที่เป็นที่ตรึงตราใจของนักท่องเที่ยวก็คือ ในช่วงหนาว ใบเมเปิลที่เปลี่ยนเป็นสีแดง ชั่งดูสวยงามตัดกับสีเขียวของป่าดิบเขา น้ำตกที่เราจะได้พบเรียงตามลำดับ มีดังต่อไปนี้

- น้ำตกวังกวาง อยู่ห่างจากศูนย์บริการประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นน้ำตกสามชั้น สูงประมาณ 7 เมตร ชั้นล่างสุดจะถูกกัดเซาะเป็นโพรงคล้ายถ้ำเล็กๆ และมีคำกล่าวถึงว่าที่ถ้ำนี้มักจะมี "กวาง" อาศัยอยู่ จึงทำให้ผู้คนเรียกน้ำตกแห่งนี้ว่าน้ำตก "วังกวาง"

- น้ำตกเพ็ญพบใหม่ อยู่ห่างจากน้ำตกวังกวางประมาณ 1.7 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามอีกแห่งหนึ่ง มีความสูงไม่มากนัก มีลักษณะคล้ายกับผาหินที่พังลง เหนือน้ำตกเป็นลานหิน มีหลุมกลมที่เรียกว่าหลุม "กุมภลักษณ์" อยู่มากมาย

- น้ำตกโผนพบ น้ำตกโผนพบ อยู่ในลำน้ำเดียวกันกับ น้ำตกเพ็ญพบใหม่ ซึ่งอยู่ห่างเพีียง 200 เมตร สายน้ำจะตกลงมาตามแก่งหินเป็นชั้นๆ คล้ายบันได

- น้ำตกเพ็ญพบ เป็นน้ำตกที่อยู่ด่านล่างของน้ำตกโผนพบ ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร เป็นน้ำตกที่ไม่สูงมากนัก มีการไหลของน้ำผ่านระดับชั้นหินที่ลดหลั่นลงมา ตามชั้นหินสามชั้น มีลานหินกว้าง

- น้ำตกถ้ำใหญ่ อยู่ห่างจากน้ำตกเพ็ญพบประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นอีกน้ำตกหนึ่งที่สวยงาม เป็นผาหินสีเทาที่วางซ้อนกันเป็นชั้นๆ สูงเพียง 10 เมตร

เที่ยวหน้าผา การเที่ยวหน้าผานับเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ต้องการเก็บภาพหน้าผา โดยเฉพาะหน้าผาหล่มสัก ซึ่งอาจถือได้ว่า เป็นสัญญลักษณ์ของภูกระดึงไปแล้ว ใครที่มาที่ภูกระดึงจะต้องมาถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก เส้นทางเดินเป็นทางราบป่าสน ตลอดเส้นทางเดินมีสิงที่น่าสนใจตลอดทางเช่นพันธุ์ไม้แปลกๆ ที่ขึ้นอยู่สองข้างทางเช่น หม้อข้าวหม้อแกงลิง , ส้มแปะ เป็นต้น การเที่ยวหน้าผา เราจำเป็นที่จะต้องเดินทางไกลพอสมควร เพราะจุดที่นักท่องเที่ยวมักจะไปกัน (ไปดูพระอาทิตย์ตกดิน ที่ผาหล่มสัก) จะอยู่ห่างจากศูนย์บริการประมาณ 9 กิโลเมตร ดังนั้น การไปเที่ยวหน้าผาควรที่จะเตรียมไฟฉายไปด้วย เผื่อมือก่อนที่จะเดินกลับมายังที่พัก หน้าผาที่เราจะเดินผ่านตามลำดับมีดังนี้

- ผาหมากดูก อยู่ห่างจากศูนย์บริการฯ ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นหน้าผาที่อยู่ใกล้กับศูนย์มากที่สุด นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาชมพระอาทิตย์ตกดินที่นี่อีกแห่ง

- ผาจำศิล อยู่ห่างจากจากผาหมากดูกประมาณ 600 เมตร เป็นลานหินกว้าง

- ผานาน้อย อยู่ห่างจากผาจำศิลประมาณ 700 เมตร ในวันอากาศดี นักท่องเที่ยวอาจมองเห็นภูผาจิต ซึ่งเป็นภูผาตัดที่คล้ายภูกระดึง แต่อยู่ที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

- ผาเหยียบเมฆ อยู่ห่างจากผาน้อย 2 กิโลเมตร ใครที่ชอบป่าสน คงจะต้องชอบที่นี่เพราะมีป่าสนรายล้อม และสามารถชมพระอาทิตย์ตกได้อีกแห่งหนึ่ง

- ผาแดง อยู่ถัดจากผาเหยียบเมฆ 1.5 กิโลเมตร เป็นจุดชมพระอาทิตย์อีกจุดหนึ่ง และมีต้นสนขนาดใหญ่อยู่เบื้องหลัง

- ผาหล่มสัก อยู่ห่างจากผาแดง 2.5 กิโลเมตร เป็นผายอดนิยม จึงมีคำกล่าวในหมู่นักท่องเทียวว่า "ใครมาภูกระดึงแล้วไม่ได้ถ่ายภาพที่นี่ นับว่ามาไม่ถึงภูกระดึง"

แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ

- ผานกแอ่น เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่เป็นที่นิยมอีกแห่งหนึ่ง

- ลานพระแก้ว อยู่ห่างจากผานกแอ่นเพียง 500 เมตร เป็นลานหินกว้างที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่

- น้ำตกธารสวรรค์ อยู่ห่างจากศูนย์บริการฯ 1.2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็ก การชมจำเป็นจะต้องเดินลงไปข้างล่าง

- น้ำตกพระองค์ อยู่ห่างจากศูนย์บริการฯ 4 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็ก

- น้ำตกถ้ำสอเหนือ อยู่ห่างจากศุนย์บริการ 5 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่สวยงาม

- น้ำตกถ้ำสอใต้ เป็นน้ำตกที่ไม่ใหญ่นัก แต่บรรยากาศรอบข้างสวยงาม

- สระอโนดาต เป็นแหล่งน้ำที่สำคัญ ของสัตว์ป่าบนภูกระดึง อยู่ห่างจากศูนย์บริการ 2.7 กิโลเมตร

- ลานกินรี อยู่ห่างจากสระอโนดาดไม่ไกลนัก เป็นสวนหินที่มีโขดหินประดับด้วยเฟินและกล้วยไม้อย่างสวยงาม

- สระแก้ว อยู่ห่างจากศุนย์บริการฯ 1 กิโลเมตร เป็นแอ่งน้ำที่มีลำธารไหลผ่าน รอบๆ สระมีทุ่งหญ้าและดอกไม้รายล้อม