คราวนี้พวกที่ไม่รู้เรื่องมาก่อน แอบกระซิบถามเมียเมื่อชาติก่อน ว่าจริงไหมที่เขาพูด เมียเขาก็บอกว่าเป็นความจริงทุกอย่าง

คราวนี้มีผู้ถามว่า “ ก่อนที่ครูจะถูกยิงตายวันนั้น ครูทำอะไรบ้างพอจะนึกออกไหม ”

ด . ช . ชนัย บอกว่า

“ เช้าขึ้นวันนั้นผมก็ซักผ้าก่อน แล้วผมก็ถอดพระที่ห้อยคอไว้ที่โต๊ะแล้วก็ไปอาบน้ำ เสร็จแล้วก็มากินข้าวแล้วก็แต่งตัวถีบจักรยานไป

โรงเรียน วันนั้นผมลืมพระไว้ ไม่ได้ห้อยคอติดตัวไปด้วย ปืนสั้นที่เคยพกไป วันที่ผมถูกยิงตายก็คงไม่มีอะไรเหลือ ”

พ่อในชาติก่อนของเด็กได้ถามขึ้นว่า

“ ปืนอะไรที่มีลูก ”

เด็กก็ตอบว่า “ ก็ปืนสั้น ปืนยาว อย่างละกระบอก ”

พ่อแม่และเมียต่างก็ยอมรับว่าจริง ตอนนั้นทั้งพ่อ แม่ และเมีย และ

ญาติต่างก็เช็ดน้ำตา บางคนก็ก้มหน้าสะอึกสะอื้น

ญาติที่สนใจถามว่า

“ ที่หนูอ้างว่าเป็นครูบัวไขถูกยิงตายกลับชาติมาเกิด คงจะรู้เรื่องวันที่ถูกยิงได้ดี ถูกยิงเวลาเช้าไปโรงเรียน หรือบ่ายกลับจากโรงเรียน ”

เด็กตอบว่า “ เขายิงเวลาที่ฉันถีบจักรยานที่จะไปโรงเรียน ”

แล้วมีผู้ถามต่อไปว่า “ เมื่อครูตายเเล้วเขาเอาศพครูไปเผาที่วัดไหน ”

เด็กตอบว่า “ เขาก็เอาไปเผาที่วัดตะพานหินนะซี

ต่อจากนั้นแม่เขาก็ไปหยิบเข็มขัด ที่เป็นช่องสำหรับใส่ลูกกระสุนปืนคาดเอว - ๖ สาย ทำเหมือนจะเสี่ยงทายแล้วพูดว่า

เข็มขัดกระสุนเหล่านี้ หากลูกจำได้ว่าอันไหนเป็นของลูกก็หยิบขึ้นมา ถ้าหยิบไม่ถูกจำไม่ได้ก็เป็นอันว่าไม่ใช่ลูกของแม่ ”

ตอนนั้นยายของเด็กรู้สึกตื่นเต้นใจคอไม่สบาย เพราะกลัวว่าหลานชายจะหยิบผิดจำไม่ได้ และกลัวเขาจะหาว่ายายพาหลานมาหลอกลวงเขา ทำให้คิดวุ่นวาย ใจเต้นคอยจ้องตาดูว่าเด็กจะจับถูกหรือผิด เป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ แต่เมื่อเด็กมองดูแล้วก็ไม่ได้ชักช้าเสียเวลา หยิบเข็มขัดสายหนึ่งยังมีลูกกระสุนปืนเสียบอยู่ ๓ ลูก ออกมาชูขึ้นบอกว่า

“ แม่ เข็มขัดลูกปืนเช่นนี้เป็นของฉัน ”

เมื่อผู้เป็นแม่ในชาติก่อนเห็นเช่นนั้นก็ร้องไห้โฮ และพวกญาติที่นั่นก็ ร้องไห้ตามไปหลายคน ส่วนยายที่ใจกำลังเต้นตุกตักอยู่นั่นก็ค่อยโล่งอกหายใจทั่วท้อง เมื่อพ่อแม่เขารับว่าถูกต้องแล้ว เป็นครูบัวไขมาเกิดแน่ แล้วแม่เขาก็คร่ำครวญว่า

“ พุธโธ่เอ๋ย ลูกของแม่ ญาติของเราก็มีถมเถไป ทำไมลูกไม่มาเกิดในสายญาติของเราละลูก ทำไมต้องไปเกิดทางไกลอย่างนี้ ”

ด . ช . ชนัย ได้ตอบว่า “ เราจะเลือกเกิดไม่ได้หรอกแม่ แล้วแต่ผู้จัดการ

บันดาลให้เราเกิด เราขัดคำสั่งเขาไม่ได้ เขาสั่งให้เราเกิดที่ไหนเราก็ต้องเกิดที่นั่น ถ้าหลบไปเกิดที่อื่น ไม่ช้าเขาก็เอาตัวกลับไปอีก เราก็ต้องรับโทษ ”

ต่อจากนั้น ก็ได้ยินเสียงเมียในชาติก่อนเขาพูด อย่างเยาะๆว่า

“ เกิดมาชาตินี้จะเจ้าชู้มีเมียมากอีกไหม ”

เด็กได้ตอบว่า “ ฉันเข็ดแล้วไม่เอาอีกแล้ว ” แล้วเล่าให้เมียฟังว่า

“ เขาบังคับทำโทษให้ฉันแก้ผ็าหมดเหลือแต่ตัวเปล่าล่อนจ้อน เขาพาไปที่สระบัวกว้างใหญ่ เขาให้ฉันเดินลัดบุกป่าฝ่าดงบัว เหมือนทำโทษที่ฉันเจ้าชู้มีเมียมาก ฉันได้รับความลำบากมาก กว่าจะเดินฝ่าดงบัวออกมาได้ เมื่อพ้นแล้วเขาก็ให้ใส่เสื้อผ้า มีคนมาประกบคุมตัวอยู่สองข้าง พาฉันให้เดินมาพักหนึ่งแล้วเขาก็บอกว่า ให้ไปเกิดได้เขาส่งได้แค่นี้ ฉันมาเกิดตามที่เขาสั่งที่เขาเกณฑ์ให้เกิด แล้วฉันก็หมดความรู้สึก

อีกตอนหนึ่งที่นับว่าสำคัญเกี่ยวกับเรื่อง วิญญาณ คือ การที่ คุณประสิทธิ์ การุณยวาณิช ได้สัมภาษณ์ ด . ช . ชนัย ซึ่งข้าพเจ้าได้คัดเอามาบางตอน

ประสิทธิ์ “ วันที่หนูก่อนจะถูกยิงนั้นมีความรู้สึกอย่างไรบ้างที่ผิดปกติกว่าวันธรรมดา ”

ชนัย “ วันที่ผมตาย ผมลืม ไม่ได้แขวนพระติดตัวไปด้วย ธรรมดาผมไม่เคยลืม ปืนสั้นที่ผมเคยพกก็ไม่ได้พก เมื่ออาบน้ำกินข้าวเสร็จก็รีบแต่งตัว คว้าถีบจักรยานถีบออกจากบ้าน เคราะห์ดีครับที่ผมไม่ได้ห้อยพระและพกปืนไป ไม่เช่นนั้นเมื่อผมถูกยิงตาย มันคงเก็บเอาไปหมด “

ประสิทธิ์ “ แล้วหนูรู้จักชื่อเสียงตัวคนร้ายที่ยิงหนูไหม แล้วเวลาตายรู้สึกอย่างไรบ้าง ใจวูบไปเลย หรือเจ็บปวดสาหัสก่อนจะตาย หรือเหมือนหลับไปเฉย ๆ “

ชนัย “ ไม่หรอกครับ คนยิงไม่รู้จักว่าเป็นใคร เพราะเขายิงผมข้างหลัง ไม่รู้ตัวเวลาตาย รู้สึกวิญญาณผมออกจากร่างแล้ว ผมยังมองเห็นตัวเองนอนอยู่บนถนน ขายังสั่นกระดิก ๆ เลือดออกทางแผล ถูกยิงตรงหัวใหลนองถนน ”

ประสิทธิ์ “ เมื่อวิญญาณออกจากร่างแล้วล่องลิยไปอยู่ที่ไหน พบปะอะไรบ้าง หนูยังจำได้ไหม ก่อนจะกลับมาเกิดใหม่ มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง ”

ชนัย “ วิญญาณผมเร่ร่อนไปในที่ต่าง ๆ วนเวียนไปหลายแห่ง จะไปไหนบ้างเวลานี้ผมจำไม่ได้ ผมลืมไปหมดแล้วครับ ”

ตามที่ ด . ช ชนัย อ้างว่าเมื่อถูกยิงตายอยู่บนถนน วิญญาณได้ออกจากร่างแล้ว ยังมองเห็นตัวเองนอนอยู่บนถนน ขายังสั่นริกริก ๆ เลือดออกทางแผล ที่ถูกยิงตรงหัวไหลนองถนน นี้ตรงกับการศึกษาค้นค้วาของนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เกี่วยกับการตายแล้วรู้สึกอย่างไร โดยแพทย์รับรองว่าตายแน่ เพราะหัวใจหยุดเต้น ไม่หายใจ และกระแสคลื่นสมองก็ไม่มี และภายหลังได้ฟื้นขึ้นมาอีก กลับมีชีวิตต่อไปได้ แล้วได้เล่าเรื่องต่าง ๆ ที่ได้ปรากฏและพบเห็นขณะที่วิญญาณได้ออกจากร่างไปนั้น นักวิทยาศาสตร์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนายแพทย์ ที่ควรจะกล่าวชื่อ คือ แพทย์หญิงเอลิซาเบธ คืบเลอร์ - รอสส์ (Dr. elisabeth kubler- ross) ซึ่งได้เขียนลงในหนังสือเรื่อง ความตายและกำลังตาย (On Death and Dying) และอีกคนหนึ่ง คือ ดร . เรมอนย์ เอ มูดี (Dr. Raymond A Moody Jr) ท่านผู้นี้เป็น ดร . ทางปรัชญา และภายหลังได้เรียนต่อทางแพทย์ จนได้รับ M.D. มหาวิทยาลัย เวอย์จิเนีย สหรัฐอเมริกา ท่านผู้นี้ได้กล่าวถึง ชีวิตภายหลังการมีชีวิตอยู่ (Life After Life) ในหนังสือเรื่อง การคำนึงถึงเรื่องชีวิตภายหลังการมีชีวิตอยู่ (Reflection on life After Life) ได้ศึกษามานานถึง ๑๒ ปี ทั้งสองท่านนี้ได้พบว่ามีหลายต่อหลายรายด้วยกัน มีความรู้ว่าได้ล่องลอย ออกจากร่าง และมองเห็นตัวเอง ทั้งได้ยินผู้คน ที่มาแวดล้อมพูดจากันทุกอย่าง กระทำการแก้ไขเพื่อให้ฟื้น บางรายลอยไปในอุโมงค์มืดตื้อแล้วไปสู่ที่สว่างสวยงาม พบเพื่อนฝูงคนที่ได้ตายไปแล้วมาต้อนรับ และชวนอยู่ด้วย บางรายเล่าว่า ความตายเป็นสุขและความหวัง และไม่มีสักรายที่จะกลัวว่าจะตายอีก

 

นอกจากสองท่านนี้ยังมีอีกท่านหนึ่ง ชื่อ คาร์ลิส โอซีส (karlis osis) เป็นนักจิตวิทยา สมาชิกของชมรมค้นคว้าทางจิตของอเมริกาในกรุงนิวยอร์ค ท่านผู้นี้ได้สัมภาษณ์นายแพทย์จำนวน ๘๗๗ คน ซึ่งเป็นผู้ที่ทำการรักษาพยาบาลดูแลคนป่วยหนัก ที่ กำลังจะสิ้นชีวิต คนป่วยเหล่านี้มากต่อมากที่เล่า มีคนมาคอยรับจะเอาชีวิตไป ทั้งนี้ตรงกับของเราที่ว่ามียมฑูตมาคอยรับเอาวิญญาณไป นี่เฉพาะผู้ที่จะสิ้นชีวิตโดยสิ้นอายุขัย ไม่เกี่วยผู้ที่ตายโดยยังไม่ถึงอายุขัย เช่น พวกตายโหงอย่างครูบัวไข หล่อนาค เป็นต้น ทางพุทธศาสนาเราก็กล่าวว่า เมื่อสิ้นใจเกิดใหม่ทันที เป็นโอปาติกะ ซึ่งจะไปสู่อบายภูมิ หรือสวรรค์ภูมิขึ้นอยู่กับกรรมของตนที่ได้สร้างไว้

การระลึกชาติของ ด . ช . ชนัย ชูมาลัยวงศ์ นับว่าเป็นการพิสูจน์เรื่อง “ การเวียนว่ายตายเกิด “ ค่อนข้างจะสมบูรณ์ดีมาก เพราะได้รับการยืนยันจากหลายแหล่งด้วยกัย คือ

๑ ) จากปากคำของ ด . ช . ชนัย ชูมาลัยวงศ์ เอง

๒ ) จาก นางพรม เบ็ญทอง ยายของเด็ก

๓ ) จาก นายเขียน และนางยวง หล่อนาค และพ่อ แม่ของเด็กในชาติก่อน

๔ ) จาก น . ส . ติ๋ม และต๋อย หรือ น . ส . บรรจง และ น . ส . เบ็ญจา หล่อนาค บุตรสาวฝาแฝดของครูบัวไข

๗ ) จากทรัพย์สินของใช้ของครูบัวไข หลายอย่าง ซึ่ง ด . ช . ชนัย จำได้อย่างแม่นยำ

๘ ) จากแผลเป็นที่ถูกยิงตายจากท้ายทอย ทะลุออกทางหน้าผาก ซึ่งติดตัว ด . ช . ชนัย ในปัจจุบันนี้
 
 

 

1 I 2 I 3 I 4 I 5 I 6 I 7 I 8 I 9 I 10 I 11